10 เทคนิคร้องเพลงให้เสียงดังและมีพลัง

เชื่อว่าเพื่อนๆที่ชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจนั้น จะต้องมีสักครั้งที่อยากจะร้องเพลงให้ได้เหมือนกับนักร้องดังๆอย่าง Sia, Whisney Houston, นักร้องนำวง Queen กันบ้างแน่ๆ จะฝึกอย่างไรถ้าเราอยากมีเสียงที่ดัง ทรงพลัง ร้องเพลงแล้วคนอึ้ง ทึ่งในพลังเสียงของเรา เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ว่านักร้องดังๆนั้นไม่ได้ใช้แค่พรสวรรค์ในการร้องเพลงอย่างเดียว แต่พวกเขาเหล่านี้อาศัยพรสวรรค์และการฝึกฝนอย่างหนัก กว่าที่จะร้องเพลงได้จับใจผู้ฟังแบบนี้ หากเพื่อนๆเกิดอาการท้อแท้ในการร้องเพลงให้เสียงดังและมีพลัง อย่าเพิ่งถอดใจไปค่ะ ลองอ่านบทความนี้ดูก่อน รับรองว่าจะต้องช่วยได้บ้างแน่ๆค่ะ

1. ฝึกวอร์มเสียงอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

การวอร์มเสียงจะช่วยยืดเส้นเสียงและช่วยให้ลำคอโล่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการหายใจด้วย การยืดหยุ่นร่างกายเป็นสิ่งสำคัญเพราะจะช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนร้องเพลง เมื่อร่างกายผ่อนคลายก็จะร้องเพลงได้ง่ายขึ้น

สิ่งที่มีประโยชน์มากๆอีกสิ่งหนึ่งในการวอร์มเสียงคือ มันช่วยให้เพื่อนๆร้องเพลงได้ดีขึ้น คลิกอ่านบทความ ทำอย่างไรให้ร้องเพลงเพราะ ยิ่งเพื่อนๆฝึกฝนเทคนิคการวอร์มเสียงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเก่งขึ้นเท่านั้น นักร้องใช้การวอร์มเสียงในการช่วยปรับเสียงให้ตรงและสร้างเทคนิคในการร้องเพลง นักร้องหลายๆพยายามฝึกเรื่องของการออกเสียงสระ เพื่อเรียนรู้ที่จะร้องแต่ละสระได้อย่างชัดเจนและแม่นยำในระดับเสียงต่างๆ นอกจากนี้นักร้องยังใช้การวอร์มเสียงเพื่อปรับปรุงเสียงสะท้อน เทคนิคเช่นนี้เป็นวิธีที่ช่วยให้เสียงของเรามีพลังขึ้น ทำให้เราสามารถร้องเพลงได้อย่างลื่นไหลในระดับเสียงที่สูงขึ้นหรือต่ำลงกว่าที่เราสามารถทำได้ตามปกติ

การวอร์มเสียงยังมีประโยชน์สำหรับการฝึกการร้องเพลงแบบ chest voice, belt, head voice และฝึกการเชื่อมเสียงเหล่านี้ให้มีความต่อเนื่องกันด้วย mix voice วิธีการวอร์มเสียงที่นักร้องฝึกบ่อยๆมีดังนี้ค่ะ

1.1 การวอร์มเสียงด้วยสเกล

การฝึกร้องสเกลไปกลับ (การไล่โน้ตไปกลับจากตัว โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด) จะช่วยขยายเส้นเสียงและช่วยปรับเรื่องการร้องเสียงเพี้ยนให้ดีขึ้น

1.2 การวอร์มเสียงด้วยการฮัม

การหายใจเข้าลึกๆจากช่องท้องและฮัมทำนองเบาๆ จะช่วยให้ปากนั้นแยกออกจากแก้มและเกิดการผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อผ่อนคลายก็ร้องเพลงดีขึ้น

1.3 การยืดเส้น

การยืดเส้นก็ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายเช่นเดียวกัน วิธียืดเส้นก็จะคล้ายๆกับการวอร์มร่างกายอ่อนออกกำลังกาย ให้เพื่อนๆหมุนหัวไหล่ไปทางด้านหน้าและด้านหลัง และหมุนศีรษะไปรอบๆคอ ยืนเขย่งเท้า สะบัดมือสะบัดหัวและกระโดดตบ สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้ร่างๆเกิดการผ่อนคลายขึ้นช่วยให้พร้อมในการร้องเพลง

ถ้าเพื่อนๆสนใจฝึกการวอร์มเสียงสามารถฝึกได้จากยูทูปนี้เลยค่ะ

2. เริ่มฝึกพลังเสียงด้วยการใช้เสียง chest voice

เสียง chest voice นั้นคือเสียงที่มาจากทรวงอก ซึ่งเป็นเสียงที่อยู่ในระดับต่ำถึงเสียงในระดับปานกลาง เสียงจะมีความหนาและอบอุ่น ซึ่งจะเป็นเสียงที่เราใช้พูดกันในชีวิตประจำวันนั่นเอง

เพื่อนๆลองเรามือวางไว้บนหน้าอกแล้วลองร้องเพลงหรือพูดตามปกติ เราจะรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนบริเวณอก การใช้เสียงแบบ chest voice นั้นหากเราร้องโดยที่ไม่ได้ฝึกการควบคุมลม เสียงที่ออกมาจะขาดพลัง ดังนั้นเวลาที่เราใช้เสียง chest voice ในการร้องเพลง เพื่อนๆจะต้องไม่ขี้อายและพยายามใช้พลังในการร้องรวมถึงพยายามให้ร่างกายมีการไหลเวียนของอากาศจำนวนมากเพื่อให้ได้เสียงสะท้อนที่ถูกต้องซึ่งจะทำให้เกิดเสียงที่มีพลัง และเมื่อเพื่อนๆต้องการร้องเสียงที่สูงขึ้นกว่าเสียงในการพูดปกติของเราสองสามคีย์ จะต้องพยายามดันเสียงที่หน้าอกขึ้นไป การพยายามร้องเสียงที่สูงกว่าปกติจะต้องอาศัยการฝึกฝนกว่าจะร้องได้ดีและรู้สึกสบาย การวอร์มเสียงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราร้องเทคนิค chest voice ได้มีพลังมากยิ่งขึ้นค่ะ

3. ฝึกการใช้เสียงแบบ belt (เบลท์) ช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

‘เทคนิคการร้องแบบ belt (เบลท์) ‘ เป็นเทคนิคการร้องเพลงร่วมสมัยที่สร้างเสียงที่มีความยิ่งใหญ่ ทรงพลัง การร้องเพลงแบบเบลท์นั้นสามารถพบได้ในแนวเพลงและสไตล์การร้องเพลงร่วมสมัยทั้งหมด รวมถึงแจ๊ส โฟล์ก ป๊อป และร็อค ส่วนใหญ่จะเป็นเทคนิคที่นักร้องหญิงใช้ในการร้องเสียงสูง นักร้องที่โด่งดังในการร้องแบบเบลท์นั้นได้แก่ Whisney Houston, Mariah Carey, Christina Aguilera

การร้องแบบเบลท์นั้นก็คือการร้องเสียงสูงด้วยการดันเสียงแบบ chest voice (เสียงจากทรวงอก) ขึ้นมา การร้องในสไตล์นี้จะค่อนข้างอันตรายต่อเส้นเสียงอยู่พอสมควร ดังนั้นหากเพื่อนๆต้องการฝึกการร้องแบบเบลท์ครูแนะนำให้ปรึกษาครูสอนร้องเพลงก็จะช่วยให้เบลท์เสียงได้อย่างถูกต้องโดยที่ไม่ทำลายเส้นเสียงของเราค่ะ

ตัวอย่างนักร้องที่ใช้เทคนิคการเบลท์ในการร้องเพลง

4. รักษาความชุ่มชื้นในร่างกายช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

นักร้องต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากร่างกายของเรานั้นเปรียบเหมือนเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งนั่นเอง เมื่อใช้มากเกินไปสายเสียงอาจเสียหายได้ง่าย เนื่องจากสายเสียงนั้นทำจากเนื้อเยื่อที่บอบบางมาก หากเราปล่อยให้ตัวเองขาดน้ำ เสียงของเราอาจมีปัญหาได้ ไม่ว่าเราจะพูด ร้องเพลง หรือฮัมเพลง เสียงนั้นจะถูกสร้างขึ้นจากการสั่นสะเทือนของเส้นเสียงของเรา เมือกปกป้องสายเสียงเหล่านี้ต้องการคงความชุ่มชื้นเพื่อที่จะทำให้ระบบทำงานได้อย่างถูกต้อง หากเราขาดน้ำแม้เพียงเล็กน้อย เนื้อเยื่อเส้นเสียงของเราอาจแห้งและบาดเจ็บถาวรได้

อย่างไรก็ตาม การดื่มน้ำก่อนการแสดงเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ เพื่อให้เส้นเสียงของเราชุ่มชื้นอย่างแท้จริง เราต้องพยายามดื่มน้ำตลอดทั้งวัน การรักษาความชุ่มชื้นยังช่วยให้ลำคอและปากหล่อลื่น ทำให้พูดและการออกสำเนียงในการร้องต่างๆได้ง่ายขึ้นเช่นกัน

5. หยุดร้องถ้าเกิดอาการเจ็บที่คอ

ปัญหาหลักๆในการร้องให้มีพลังเสียงคือ หลายๆครั้งนักร้องมือใหม่จะพยายามตะเบ็งเสียงเพื่อให้ได้เสียงที่ดังและมีพลัง แต่การกระทำเช่นนี้ส่งผลให้เส้นเสียงของเราเกิดอาการบาดเจ็บ และหากเราไม่รักษาอาการเหล่านี้และฝืนร้องต่อไปก็จะทำให้เกิดปัญหากับเส้นเสียงเป็นการถาวรได้ ดังนั้นเมื่อเพื่อนๆรู้สึกว่ามีอาการเจ็บคอหลังจากร้องเพลงล่ะก็ จะต้องหยุดพักและหาสาเหตุของอาการเจ็บคอ เช็คดูว่าเราร้องมาจากคอหรือจากกระบังลม เมื่อได้สาเหตุแล้วก็ควรพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการร้องเพลงของเรา เพื่อให้สามารถร้องเพลงโดยที่ไม่ทำลายเส้นเสียงค่ะ

6. ยืนหลังตรงช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น


เมื่อเรางอตัว ยืนหรือนั่งในท่าทางที่ไม่ดี ซี่โครงของเราจะไม่สามารถขยายได้เต็มที่และกะบังลมของเราจะไม่สามารถลดลงได้เต็มที่ ซึ่งหมายความว่าปอดของเราไม่มีที่ว่างพอที่จะขยายตัวได้ จึงส่งผลให้หายใจได้ไม่มีประสิทธิภาพและยังลดการเปิดของช่องเสียงด้วย คลิกอ่านบทความ ร้องเพลงเพราะขึ้นทันทีหากฝึกการหายใจที่ถูกต้อง ทั้งสองอย่างนี้จะกระตุ้นให้ร่างกายใช้กล้ามเนื้อภายนอกเพื่อผลิตเสียง ซึ่งจะนำไปสู่ความพยายามในการเปล่งเสียง ความเหนื่อยล้าของเสียง การใช้เสียงที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือแม้กระทั่งเกิดความตึงเครียดของกล้ามเนื้ออีกด้วย

การยืนหลังตรงในที่นี้ยังหมายถึงการที่เราไม่งอหัวไหล่ให้งุ้มเข้าด้วย การที่เราเปิดหน้าอกจะช่วยให้ลมนั้นโฟลว์ทั่วร่างกาย ทำให้เสียงผ่านไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้ดี เราจึงสามารถร้องเพลงได้มีพลังเสียงมากขึ้น ถ้าเราเปรียบเทียบระหว่างการนั่งร้องเพลงและการยืนร้องเพลง การยืนร้องเพลงนั้นทำให้เราโปรเจคเสียงได้มากกว่าการนั่ง การยืนหลังค่อมจะทำให้ร่างกายนั้นไม่เปิด เสียงที่ได้ก็จะไม่มีพาวเวอร์ค่ะ

7. ร้องจากกะบังลมช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

การหายใจที่ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญอันดับ 1 ในการร้องเพลงเลยทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่กะบังลมจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เราร้องเพลงได้ดี การร้องเพลงที่ถูกต้องต้องอาศัยการช่วยหายใจจากกะบังลม โดยใช้กล้ามเนื้อบังคับอากาศจากปอดและผ่านเสียง เทคนิคการเปล่งเสียงนี้จะรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังร้องเพลงจากท้อง โดยมีเสียงสะท้อนออกมาจากกระดูกซี่โครงของเรา หากเพื่อนๆต้องการเป็นนักร้องที่ดีขึ้น ให้ฝึกกล้ามเนื้อส่วนนี้อย่างสม่ำเสมอเพื่อเรียนรู้การหายใจให้ถูกต้องและทำให้กะบังลมแข็งแรงขึ้นค่ะ

การร้องเพลงโดยใช้กะบังลมจะช่วยปกป้องเส้นเสียงของเรา ปรับปรุงช่วงเสียงของเราให้กว้างขึ้นและช่วยให้เราได้เสียงที่สมบูรณ์และดังยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยควบคุมการหายใจเพื่อป้องกันไม่ให้เราหมดลมหายใจระหว่างท่อนอีกด้วยค่ะ

แบบฝึกหัดช่วยฝึกการร้องจากกะบังลม

วิธีการร้องเพลงจากกระบังลม

  1. ยืนตัวตรง ท่าทางที่ดีจำเป็นต่อเทคนิคการร้องเพลงมากๆ เริ่มต้นด้วยการหาตำแหน่งยืนตัวตรงสบายๆ โดยแยกเท้าให้กว้างเท่าหัวไหล่ ให้เข่าและไหล่นั้นผ่อนคลาย เอามือวางบนท้องส่วนบนซึ่งเป็นตำแหน่งของกะบังลม
  2. หายใจออกจนสุด ดันอากาศทั้งหมดออกจากปอด ปล่อยให้ท้องของเราผ่อนคลายภาย
  3. หายใจเข้าลึกๆ หายใจเข้าทางปากและให้รู้สึกว่าท้องของเราขยายใหญ่ขึ้น เพื่อนๆสามารถวางมือไว้บนท้องขณะที่หายใจก็ได้ค่ะ จากนั้นก็ผ่อนคลายคอขณะสูดอากาศเข้าไป ที่สำคัญห้ามเกร็งคอเด็ดขาดค่ะ
  4. ร้องเพลงอย่างต่อเนื่อง ร้องเพลงต่อเนื่องโดยใช้เสียงสระง่ายๆ เช่น “อา” หรือ “อู” และรู้สึกถึงการขยายตัวของท้องของเรา ดันท้องของออกมาเล็กน้อยเพื่อไล่อากาศออกให้หมด ยิ่งเพื่อนๆรู้สึกถึงอากาศที่ปล่อยออกมาจากใต้มือได้ช้าเท่าไร ก็หมายความว่าเราสามารถควบคุมกะบังลมได้มากเท่านั้น

8. ควบคุมการใช้ลมช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

การร้องเพลงเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของมนุษย์ซึ่งจะต้องใช้ลมหายใจเป็นส่วนสำคัญในการร้องเพลง ความแตกต่างระหว่างการพูดกับการร้องเพลงนั้นคือ การร้องเพลงต้องการการควบคุมกล้ามเนื้อและความเข้าใจว่าร่างกายกำลังทำอะไร การร้องเพลงยังใช้เสียงสูงและต่ำมากกว่าการพูด เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวตามจังหวะที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพูดในชีวิตประจำวัน ความแตกต่างเหล่านี้ทำให้การร้องเพลงเป็นกิจกรรมที่มีส่วนร่วมมากกว่าการพูด ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องได้รับการฝึกฝนจึงจะทำได้ดี

รากฐานของการร้องเพลงทั้งหมดคือการหายใจ การหายใจนั้นช่วยพยุงและควบคุมอากาศที่ถูกขับออก การฝึกร้องในเบื้องต้นนั้นควรเริ่มต้นด้วยแบบฝึกหัดเทคนิคการร้องขั้นพื้นฐานที่สอนวิธีการหายใจอย่างถูกต้อง ซึ่งต้องฝึกควบคู่ไปกับการฝึกร้องที่ช่วยนักเรียนควบคุมการหายใจได้ดีขึ้น การควบคุมการหายใจอย่างมีประสิทธิภาพนั้นเป็นตัวควบคุมคุณภาพเสียงและระดับเสียงของเรา เราจะไม่สามารถเปล่งเสียงได้หากมีปริมาณอากาศผ่านเส้นเสียงของเราไม่เพียงพอ เพื่อนๆสามารถฝึกการหายใจได้จากแบบฝึกหัดนี้ค่ะ

9. กดคางลงและผ่อนคลายขากรรไกรช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

เชื่อว่าเพื่อนๆต้องเคยทำแบบนี้แน่ๆ เวลาที่เราต้องการร้องเพลงให้ดังขึ้นหรือร้องให้เสียงสูงขึ้น เราจะพยายามเชิดหน้าขึ้นไป จริงๆแล้วการร้องเพลงให้มีพลังมากขึ้นเราจะทำตรงกันข้ามต่างหาก เราควรจะกดคางลงเพื่อให้ได้เสียงที่มีพลังยิ่งขึ้น การฝึกร้องเพลงโดยหันศีรษะไปข้างหน้าและก้มหน้าลงเล็กน้อย สิ่งนี้จะทำให้เราควบคุมได้การร้องของเราได้มากขึ้นและให้ได้เสียงที่ดังมากขึ้นอีกด้วย

เมื่อร้องเพลงเราควรจะเปิดกรามออกเพื่อที่จะร้องเพลงได้อย่างชัดเจน และควรผ่อนคลายไม่เกร็งเวลาร้อง ไม่อย่างนั้นจะทำให้เสียงฟังดูเครียดและยังร้องเสียงสูงไม่ได้อีกด้วย และเมื่อเราอ้าปาก เราจะสามารถออกเสียงแต่ละคำได้อย่างชัดเจน และจะควบคุมเสียงได้ดีขึ้น

10. เลือกเพลงที่อยู่ในเรนจ์เสียงของตัวเองช่วยให้ร้องเพลงเสียงดังและมีพลังขึ้น

การเลือกเพลงให้อยู่ในคีย์ที่เราร้องมีความสำคัญมาก เพราะถ้าเราต้องพยายามร้องเพลงที่เสียงสูงหรือต่ำเกินกว่าเสียงของเรา เสียงของเราก็จะขาดพลังและบางครั้งเวลาที่เราร้องเสียงก็จะแตกจนฟังไม่ได้อีกต่างหาก หากเพื่อนๆฝึกร้องกับคาราโอเกะ ให้สังเกตดูว่ามันจะมีให้เลือกว่าจะเอาคีย์สูงหรือคีย์ต่ำ หากต้องการคีย์ที่สูงขึ้นให้พิมพ์ชื่อเพลงแล้วเขียนว่า higher key หรือถ้าต้องการเสียงต่ำลงให้พิมพ์คำว่า lower key ดูตัวอย่างได้ในยูทูปด้านล่างค่ะ

นี่ก็เป็น 10 ข้อที่สำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถร้องเพลงได้มีพลังเสียงมากขึ้น หากเพื่อนๆโดยธรรมชาติแล้วมีเสียงที่เบาและบางก็อาจจะต้องฝึกฝนหนักกว่าคนที่มีเสียงหนา แต่เชื่อว่าหากเราหมั่นฝึกฝนเป็นประจำแล้วเนี่ย เราจะสามารถร้องเพลงได้มีพลังเสียงแน่ๆค่ะ


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *