Author: Lila Sakcharoen
-
ผู้ใหญ่อายุ 35+ กับการเรียนเปียโน: ทำไมถึงล้มเหลวกันนัก?
คุณเคยเริ่มเรียนเปียโนด้วยความตื่นเต้นที่หวังจะเล่นเพลงโปรดของคุณหรือไม่ แต่หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ คุณกลับรู้สึกหงุดหงิดหรือหยุดชะงัก? หากเป็นเช่นนั้น คุณไม่ได้อยู่คนเดียว ในฐานะครูสอนเปียโนที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปี ฉันได้พบผู้ใหญ่หลายคนที่มีความฝันเดียวกัน แต่กลับรู้สึกท้อแท้เมื่อความพยายามของพวกเขาไม่ได้ผลลัพธ์ที่หวังไว้ นี่คือความจริง: มันไม่ใช่ความผิดของคุณ บทเรียนเปียโนแบบดั้งเดิมไม่ได้ออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่เลย โดยวิธีการสอนแบบดั้งเดิมถูกสร้างขึ้นมาหลายสิบปีก่อนสำหรับเด็ก ๆ โดยเน้นความก้าวหน้าช้าและมั่นคงพร้อมการแสดงดนตรีที่มีโครงสร้าง แม้ว่าจะมีประสิทธิภาพสำหรับผู้เรียนที่อายุน้อย แต่กลับไม่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าความฝันของคุณที่จะเล่นเปียโนจะไม่มีวันเป็นจริง มาดูกันว่าทำไมบทเรียนแบบดั้งเดิมจึงไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ และที่สำคัญกว่านั้น มีวิธีใดที่จะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ ทำไมบทเรียนเปียโนแบบดั้งเดิมจึงไม่เหมาะกับผู้ใหญ่ 1. ออกแบบมาสำหรับเด็ก บทเรียนเปียโนแบบดั้งเดิมส่วนใหญ่เริ่มต้นด้วยหนังสือสำหรับผู้เริ่มต้นที่เต็มไปด้วยเพลงง่าย ๆ สำหรับเด็ก เช่น Mary Had a Little Lamb หรือ Twinkle, Twinkle Little Star แม้ว่าเพลงเหล่านี้จะเหมาะสำหรับเด็ก แต่แทบจะไม่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ใหญ่ที่ใฝ่ฝันจะเล่นเพลงที่เชื่อมโยงกับรสนิยมและอารมณ์ของตัวเอง และลองคิดดูสิว่าการแสดงดนตรีบนเวทีเดียวกับเด็ก 8 ขวบจะน่าอึดอัดขนาดไหน! 2. ความก้าวหน้าที่ช้า วิธีการแบบดั้งเดิมมักเน้นหนักไปที่การเรียนรู้การอ่านโน้ตดนตรีก่อนที่คุณจะเล่นเพลงที่คุณชอบได้ สำหรับผู้ใหญ่หลายคน กระบวนการนี้รู้สึกช้าและยากลำบาก คุณอยากเล่นเพลงที่คุณรัก แต่เส้นทางนั้นกลับรู้สึกเหมือนการปีนเขาที่ยาวนาน 3. ชีวิตยุ่งเหยิง ผู้ใหญ่มีชีวิตที่ยุ่งเหยิง…
-
ทำให้ง่ายขึ้น: เทคนิคการเล่นโน้ตยากให้เร็วขึ้น
สวัสดีค่ะทุกคน! วันนี้ครูจะมาแบ่งปันเทคนิคง่ายๆ ในการเล่นโน้ตเพลงที่ดูยากให้ง่ายขึ้น ถ้าคุณเคยเจอโน้ตเพลงที่ซับซ้อนจนรู้สึกกลัวหรือไม่อยากเล่น เทคนิคนี้จะช่วยทำให้โน้ตเหล่านั้นดูเป็นเรื่องง่ายขึ้นค่ะ ทำไมการอ่านโน้ตถึงเร็วขึ้นเมื่อเรามองเป็นรูปแบบ นักเปียโนไม่ได้อ่านทุกโน้ตทีละตัว แต่พวกเขาอ่านจาก รูปแบบและโครงสร้าง การจำแนกรูปแบบช่วยให้เราอ่านโน้ตได้เร็วและมีประสิทธิภาพขึ้น ตัวอย่างเช่น: การจำรูปแบบเหล่านี้จะช่วยให้เราไม่ต้องอ่านทุกโน้ตทีละตัวค่ะ ขั้นตอนที่ 1: เข้าใจพื้นฐานของโน้ตบนเส้นและในช่อง เรามาเริ่มจากพื้นฐานกันก่อน: ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเห็นโน้ตทับเส้น (เช่น F) และโน้ตถัดไปอยู่ในช่อง (เช่น G) โน้ตสองตัวนี้จะอยู่ติดกันบนคีย์บอร์ดค่ะ ขั้นตอนที่ 2: ใช้โน้ต Landmark หากคุณเริ่มอ่านโน้ตได้แล้ว ให้เริ่มจากการระบุ โน้ต Landmark เช่น F หรือ G จากนั้น: หากคุณยังใหม่กับการอ่านโน้ต ครูแนะนำให้ดูวิดีโอที่สอนพื้นฐานก่อน (มีลิงก์ไว้ด้านบนค่ะ) ขั้นตอนที่ 3: การจำแนกคู่เสียง เรามาดูคู่เสียงที่พบบ่อย: คู่เสียงที่ 2 (Second): คู่เสียงที่ 3 (Third): เมื่อคุณเห็นรูปแบบเหล่านี้ในโน้ตเพลง ให้โฟกัสที่โน้ตตัวล่าง และปล่อยให้รูปแบบช่วยนำทางนิ้วของคุณค่ะ ขั้นตอนที่ 4:…
-
พลังของโครงสร้างบ้าน-การเดินทาง-การกลับบ้าน ในศิลปะและชีวิต
ดนตรีตะวันตกมักให้ความรู้สึกเหมือนกับการเล่าเรื่องที่แผ่กระจายผ่านเสียง เริ่มต้นด้วยธีม หนึ่งคีย์ และความกลมกลืนซึ่งกำหนดเวที—“บ้าน” ทางดนตรีของเรา จากนั้นเราจะออกเดินทางออกไป ความกลมกลืนบิดและงอ คอร์ดใหม่ดึงเราเข้าสู่คีย์ที่ไม่คุ้นเคย ความตึงเครียดก่อตัวขึ้น เมโลดี้พุ่งสูงขึ้นและตกลง แต่ไม่ว่าเราจะล่องลอยไปไกลแค่ไหน ก็ยังมีคำสัญญาที่สอดแทรกอยู่ในดนตรีนั้น: เราจะกลับมา การเดินทางนี้—จากบ้านสู่ที่ไกลและกลับสู่สภาพที่คุ้นเคยแต่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย—คือหนึ่งในโครงสร้างที่มีอิทธิพลและ “ติดแน่น” ที่สุดในศิลปะและชีวิต โครงสร้าง บ้าน-การเดินทาง-การกลับบ้าน ที่ประกอบด้วยการจากไปและการกลับมานี้ สามารถเห็นได้ในการแสดงออกของมนุษย์ทั่วทุกมิติ ตั้งแต่วรรณกรรมจนถึงศิลปะภาพ ตั้งแต่ตำนานจนถึงดนตรีป๊อป ในเรื่องราวต่างๆ มักเริ่มต้นด้วยการแสดงภาพตัวเอกในโลกปกติของเขา—คล้ายกับ “บ้าน” ของฮีโร่ จากนั้น ความขัดแย้งหรือการเรียกให้ผจญภัยก็เข้ามาแทรกซ้อนในชีวิตธรรมดา ส่งเขาเข้าสู่สิ่งที่ไม่รู้จัก เมื่อจบการเดินทาง ฮีโร่จะกลับมายังสิ่งที่คุ้นเคย แต่พวกเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว พกพาน้ำหนักของประสบการณ์ที่พวกเขาได้เผชิญมากลับมาสู่โลกเดิม โครงสร้างนี้สร้างความปิดและให้ความรู้สึกที่ครบสมบูรณ์ และเรารู้สึกถึงความสบายใจและความพอใจที่ได้เห็นฮีโร่กลับ “บ้าน” แม้ว่าโลกของพวกเขาจะถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้วโดยสิ่งที่พวกเขาเผชิญหน้า ในดนตรี รูปแบบนี้มีการแสดงออกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่โครงสร้างโซนาต้าจนถึงรูปแบบ ABA (สามส่วน) และ AB (สองส่วน) ดนตรีตะวันตกจำนวนมากปฏิบัติตามรูปแบบของ การเริ่มต้น การเดินทาง และการกลับมา ซึ่งสอดคล้องกับวงจรชีวิตของเรา: เราออกเดินทางเข้าสู่โลกทุกวัน เพียงเพื่อจะกลับสู่ความปลอดภัยของบ้านในยามค่ำคืน แม้แต่ในช่วงเวลาของชีวิตที่ยาวนาน เราออกเดินทางจากจุดเริ่มต้น สำรวจ…
-
คีย์ไมเนอร์และเมเจอร์ที่สัมพันธ์กัน – คู่มืออ้างอิงแบบรวดเร็ว
Relative Minor and Major Keys – คู่มืออ้างอิงแบบรวดเร็ว มีหลายส่วนในทฤษฎีดนตรี (Music Theory) ที่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อยในการจดจำ ดังนั้นคู่มืออ้างอิงแบบรวดเร็วจึงช่วยได้ แต่ด้านล่างนี้ฉันได้อธิบายว่า ความสัมพันธ์ระหว่างคีย์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างไร นี่คือคีย์ไมเนอร์ (Minor) และเมเจอร์ (Major) ที่สัมพันธ์กัน (Relative) และคู่ขนาน (Parallel) สำหรับทุกลายเซ็นคีย์ (Key Signature) จำนวนชาร์ป (Sharps) หรือแฟลต (Flats) เมเจอร์ (Major) ไมเนอร์ที่สัมพันธ์กัน (Relative Minor) ไมเนอร์คู่ขนาน (Parallel Minor) 0 C A C 1 sharp G E G 2 sharps D B D 3 sharps A F#…
-
พลังอันเงียบสงบของอารมณ์ในผลงานคีย์บอร์ดของ J.S. Bach: คำเชิญชวนสำหรับนักเปียโนที่มีความคิด
สำหรับนักเปียโน หลายคนอาจคุ้นเคยกับโลกของดนตรีโรแมนติกที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นของอารมณ์ เสียงไดนามิกที่ใหญ่โต และท่วงทำนองที่น่าทึ่ง แต่สำหรับ J.S. Bach แล้ว ดนตรีของเขามีเสน่ห์ที่เงียบกว่า และซับซ้อนกว่า เมื่อมองในแวบแรก ผลงานคีย์บอร์ดของเขาอาจดูเหมือนการฝึกฝนทางเทคนิค (technical exercises) หรือการศึกษาทางคอนเตอร์พอยท์ (counterpoint) แต่หากเราลงลึกเข้าไป เราจะพบกับอารมณ์อันลึกซึ้งที่ซ่อนอยู่ภายในโครงสร้างดนตรีอันซับซ้อนเหล่านั้น ในโลกที่มักจะเรียกร้องให้เราแสดงออกอย่างเปิดเผยและรวดเร็ว เราอาจลืมไปว่า อารมณ์ที่แท้จริงสามารถพบได้ในความเงียบสงบ ในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน และนั่นคือสิ่งที่ดนตรีของ Bach มอบให้เรา: โอกาสในการค้นหาและแสดงออกถึงอารมณ์ผ่านการไตร่ตรอง การควบคุม และการยับยั้ง อารมณ์ที่อาจสอดคล้องกับชีวิตของผู้ใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่กำลังเผชิญกับการปรับตัวให้เข้ากับความซับซ้อนในชีวิต ครอบครัว และหน้าที่การงาน ภาษาอารมณ์ที่แตกต่าง ดนตรีของ Bach ไม่ได้แสดงอารมณ์ออกมาอย่างโจ่งแจ้งเหมือนกับของ Beethoven หรือ Chopin ที่มักจะมีอารมณ์ที่รุนแรงและเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก แต่ดนตรีของ Bach เป็นการสื่อสารทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นในโครงสร้างและความเรียบง่าย สำหรับผู้ใหญ่ เราอาจจะเข้าใจในรูปแบบของอารมณ์นี้ได้ดีขึ้น อารมณ์ที่ไม่ได้ต้องการการแสดงออกอย่างเต็มที่ แต่เป็นการสื่อสารที่ลึกซึ้งและเป็นส่วนตัวมากกว่า การใช้คอนเตอร์พอยท์ (counterpoint) ของเขาไม่ได้เป็นเพียงเทคนิค แต่เป็นบทสนทนา—เสียงต่างๆ ที่สนทนากัน บางครั้งเห็นด้วย บางครั้งขัดแย้ง และสร้างแรงดึงดูดทางอารมณ์ที่ค่อยๆ…
-
ซ้อมแบบนี้ถ้ามีเวลา 10 นาทีต่อวัน
1. เลือกเพลงที่อยากเล่น – หาโน้ต ใช้เวลาในการเลือกโน้ต หากต้องลงทุนซื้อโน้ตก็ควรซื้อเพราะโน้ตที่ดีจะช่วยประหยัดเวลาในการซ้อม ถ้าเราอยากเล่นเพลงคลาสสิคให้หาโน้ตที่มีนิ้วบอก โน้ตมีขนาดใหญ่พอสมควร ไม่เบียดกันจนอ่านยาก สำหรับเพลงป๊อบให้หาโน้ตที่ดูแล้วโล่งสบายตา แบบที่ 1 โน้ตติดกันยึบยับทำให้อ่านยาก แบบที่ 2 โน้ตห่างกันทำให้อ่านได้ง่ายขึ้น แบบที่ 3 โน้ตที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษระบุ หากเล่นโดยใช้วีธีอ่านคอร์ดเอาให้เอาแบบ lead sheet ถ้าเล่นแบบอ่านโน้ตเอาทั้งหมดให้หาโน้ตที่มีมือซ้ายประกอบด้วย หากอ่านโน้ตไม่ออกแต่อยากซื้อโน้ตก็ให้หาโน้ตที่มีตัวอักษรเขียนด้วย นอกจากนี้ต้องหาโน้ตให้เหมาะกับระดับการเล่นของเรา เช่นหากเราเพิ่งเริ่มเล่นระดับต้นก็เลือกโน้ตที่เขียนว่า easy หรือพิมพ์คำว่าโน้ตง่ายๆ โน้ตเพลงฝรั่งจะมีออปชั่นให้เลือกมากกว่า ให้จำไว้ว่าโน้ตเพลงที่เขียนว่า easy ส่วนใหญ่จังหวะจะไม่ตรงเพราะเขาต้องการให้อ่านได้ง่ายๆ ดังนั้นต้องฟังทำนองเอาแล้วเล่นตามที่ได้ยิน ใครที่เล่นเก่งแล้วก็หาโน้ตธรรมดาได้เลย ส่วนใครที่ต้องการเล่นให้หรูหราอลังการก็สามารถฟังจากยูปทูปโดยเลือกเพลงที่ชอบแล้วพิมพ์ piano cover จากนั้นก็ไปเลือกนักเปียโนที่เราชอบสไตล์เค้า ส่วนใหญ่ก็จะมีโน้ตขายกันทุกคน ตรงนี้จะหมดไปแ ล้ว 10 นาที ต้องทำใจว่าเราวางแผนการฝึกดังนั้นอาจจะยังไม่ได้เล่นเปียโน 2. เลือกนิ้วที่จะเล่นทั้งหมดในเพลง ค่อยๆลองหัดดูแล้วเลือกนิ้วว่าเราจะใช้นิ้วไหนตรงโน้ตใดบ้าง เลือกไปด้วยเขียนลงบนโน้ตไปด้วย นิ้วส่วนใหญ่จะเป็นนิ้วที่ใช้ในสเกล เช่นหากเพลงไม่ติดชาร์ปแฟลทเราจะเล่นนิ้วแบบสเกล C major ถ้าติด 1…
-
3 เหตุผลทำไมการเรียนเปียโนป๊อบถึงเหมาะสำหรับผู้ใหญ่
1. หัดเพลงเปียโนได้เร็วกว่า เพื่อนๆที่เคยเรียนเปียโนมาตอนเด็กๆหรือมีลูกหลานที่เรียนเปียโนอยู่ในขณะนี้ ลองสังเกตดูว่าเวลาที่เราหรือลูกหลานเราเรียนเปียโน เขาจะต้องเรียนในหนังสือเป็นระดับขั้น ซึ่งจะเรียนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เริ่มจากเพลงพวก หนูมาลี หลังจากเรียนไปได้สัก 3 ปีก็จะได้เรียนเพลง Saints go marching in ถ้าอยากเล่นเพลง canon หากเราเรียนตามหนังสือของ Alfred เราจะต้องเรียนอย่างน้อย 6 ปี ถึงจะเจอเพลง Canon ใน level 6 สำหรับเด็กแล้วเรามีเวลามาก ซึ่งเราสามารถที่จะปูพื้นฐานแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพื่อให้ได้เทคนิคที่ดี แต่สำหรับเพื่อนๆที่มาเริ่มเรียนตอนโตแล้วเนี่ย ครูเชื่อว่าแต่ละคนแทบไม่มีเวลาที่จะซ้อมเลยแต่ใจเนี่ยอยากจะเล่นได้ การที่เราจะต้องไปเริ่มเรียนเปียโนแบบเด็กนั้นมันจะน่าเบื่อและอาจทำให้เราจะเลิกเล่นไปโดยปริยาย ในความเห็นของครู ครูคิดว่าการเรียนเปียโนป๊อบจะเหมาะมากกว่าหากเราเริ่มเรียนตอนโต เพราะเราจะสามารถเล่นเปียโนเป็นเพลงได้เร็วกว่า ซึ่งถ้าเพื่อนๆฝึกเพลงตามนี้ในวีดีโอด้านล่างนี้ก็จะสามารถเล่นเพลงได้ทันที สำหรับนักเรียนที่เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่เด็กและมีเวลามาก หากเพื่อนๆเป็นผู้ปกครองของเขานะคะ ครูจะแนะนำให้เรียนไปตามเสต็ปในหนังสือเรียนเพื่อปูพื้นฐานและสร้างกล้ามเนื้อนิ้วให้แข็งแรง ซึ่งเราจะเรียกการเรียนแบบนี้ว่าการเรียนเปียโนคลาสสิคค่ะ เวลาที่เราเรียนแบบนี้มันก็จะมีวิธีการเรียนหลายแบบ ครูบางคนจะสอนตามหนังสือเลย ซึ่งบางทีแต่ละระดับจะมี 3 – 5 เล่มนะคะ ครูบางท่านอาจจะให้เรียนตามหนังสือแค่ถึงเล่ม 2 แล้วก็จะให้เพลงข้างนอกพร้อมกับฝึกเทคนิค Hanon Czerzny และแบบฝึกหัดอื่นๆค่ะ ซึ่งการเรียนแบบนี้จะไปได้เร็วกว่าการเรียนตามหนังสือเป๊ะๆ…
-
5 เทคนิคสำหรับผู้ใหญ่ในการเรียนดนตรีให้ประสบความสำเร็จ
หากเพื่อนๆเป็นคนหนึ่งที่มีใจรักในเสียงดนตรีและฝันว่าวันหนึ่งอยากจะเล่นดนตรีให้ได้สักเครื่องหนึ่งเอาไว้เล่นในยามว่างหรือยามที่เราปลดเกษียณแล้ว ความฝันกับความเป็นจริงนั้นบางครั้งก็ไม่ง่ายค่ะ การเล่นดนตรีให้ได้สักเครื่องหนึ่งจะต้องอาศัยการอุทิศเวลาในการฝึกซ้อม บางครั้งเราก็สนุกกับมัน บางครั้งเราก็อาจจะรู้สึกท้อเพราะเล่นเท่าไหร่ก็ไม่ได้สักที บางครั้งเรามุ่งหวังว่าเราจะเล่นเพลงนั้นเพลงนี้ได้ แต่ฝึกมานานหลายเดือนก็ยังเล่นไม่ได้ หากเพื่อนๆประสบเจอกับปัญหาเหล่านี้ ลองอ่านบทความนี้ดูค่ะ ครูเชื่อว่าบทความนี้จะช่วยให้เพื่อนๆที่เริ่มเรียนดนตรีตอนอายุมากสามารถประสบความสำเร็จในการเรียนได้ไม่แพ้ผู้ที่เริ่มเรียนดนตรีตั้งแต่เด็กค่ะ ไม่ว่าเพื่อนๆจะมีครูสอนหรือจะฝึกด้วยตัวเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นกันค่ะ เพื่อนๆสามารถอ่านเทคนิค 5 ข้อที่ครูคัดมาว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเล่นดนตรีได้อย่างใจค่ะ พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลยค่ะ 1.เลือกดนตรีที่ชอบ ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลย เพราะก่อนที่เราจะเริ่มเรียนดนตรีเราต้องมีแรงบันดาลใจก่อน เราก็มาดูว่าเราชอบเครื่องดนตรีชนิดใดและชอบเพลงประเภทไหน เพลงอะไรที่เราอยากเล่น เราอาจจะชอบเพลงเปียโนอย่างเพลง River Flow in you หรือเราอาจจะชอบเพลงป๊อบไทยหรือสากล เราก็อาจจะดูว่าเราอยากเล่นเพลงที่เราชอบด้วยกีตาร์เปียโนหรือเราอยากจะร้อง เมื่อเลือกเครื่องมือที่ชอบได้แล้วก็มาดูกันว่าเราจะเลือกเพลงที่เราชอบเพลงไหนดี โดยเพลงที่เลือกถ้าเป็นเพลงป๊อบครูว่าเราก็สามารถเล่นได้เกือบทุกเพลงค่ะ แต่ถ้าเป็นเพลงคลาสสิคหรือแจ๊สอาจจะต้องหาเพลงที่เป็นเพลงระดับเริ่มต้นก่อนค่ะ เราก็สามารถค้นหาในอินเตอร์เน็ตได้ เช่นเพลงคลาสสิคง่ายๆสำหรับผู้เริ่มต้นหรือเพลงแจ๊สง่ายๆสำหรับผู้เริ่มต้นค่ะ 2. ตั้งเป้าหมายในการเรียนในระยะสั้น การตั้งเป้าหมายครูอยากให้ตั้งเป้าหมายง่ายๆที่เราสามารถทำได้ในเวลาสั้นๆอย่าง 1-2 สัปดาห์แทนที่จะตั้งเป้าหมายเป็นปีหรือเป็นเดือน เพราะว่าหากเราตั้งเป้าหมายที่ใช้เวลานานเราอาจจะท้อแท้ก่อนที่จะสำเร็จได้ค่ะ เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ไม่ควรยากจนเกินไป เช่นเราอาจจะตั้งเป้าหมายว่าเราจะฝึกกดคอร์ดให้ได้ 4 คอร์ด โดยจะฝึกกดจนคล่องและให้ได้น้ำเสียงที่ดี หรือเราอาจจะตั้งเป้าหมายว่าเราจะฝึกอ่านโน้ตกุญแจซอลในบรรทัด 5 เส้นให้ได้ใน 1 สัปดาห์และสัปดาห์ถัดไปเราจะฝึกอ่านโน้ตกุญแจซอลบนเส้นน้อย สัปดาห์ถัดไปจะฝึกเล่นดนตรีโดยอ่านโน้ตกุญแจซอล หรือเราจะตั้งเป้าหมายว่าเราจะต้องเล่นเพลงนี้ให้ได้ภายใน 2 สัปดาห์ 3. ซ้อมทีละนิดอย่างสม่ำเสมอ การซ้อมเป็นสิ่งสำคัญมากในการเล่นดนตรีค่ะ…
-
5 สิ่งที่ทำให้การเรียนดนตรีไม่ประสบความสำเร็จ
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่องว่าทําไมเวลาที่เราเริ่มเรียนดนตรีด้วยตัวเองตอนที่อายุมากแล้วถึงได้ไม่ประสบความสําเร็จค่ะ ครูไม่ได้เขียนบทความมาสองสามเดือนแล้วเนื่องจากครูไม่มีระเบียบวินัยค่ะ แล้วก็ข้อนี้เลยเป็นข้อแรกนะคะที่ทําให้เราไม่ประสบความสําเร็จในการเรียนค่ะ ครูทำวีดีโอเนื้อหาบทความเดียวกันนี้ในยูทูป หากเพื่อนๆชอบฟังมากกว่าอ่านก็สามารถเข้าดูฟังได้ในยูทูปด้านล่างเลยค่ะ เนื้อหาเหมือนกันทุกประการค่ะ 1. ไม่มีระเบียบวินัย เมื่อเราไม่มีระเบียบวินัยก็จะทำให้เราไม่ได้ฝึกซ้อมอย่างสม่ําเสมอ เราไม่มีตารางว่าเราจะต้องฝึกอย่างไรหรือว่าจะต้องทําอะไรบ้างในวันวันหนึ่ง ซึ่งตัวครูเนี่ยบอกเลยว่าไม่มีระเบียบเหมือนกันค่ะ เพราะว่าไม่อย่างงั้นก็คงจะทํายูทูปและเขียนบทความทุกอาทิตย์ อย่างน้อยโพสท์สัปดาห์ละครั้งก็ยังดี เมื่อทำไม่ได้ดังนั้นงานจึงทำให้ขาดความต่อเนื่อง ผลที่หวังก็จะใช้เวลามากขึ้นไปอีก หากเราไม่ซ้อมดนตรีอย่างต่อเนื่อง ผลที่เราหวังก็จะต้องใช้เวลานานกว่าที่จะเป็นเช่นกัน หากเพื่อนๆดูวีดีโอการเล่นเปียโนของครูจากคลิปด้านล่าง อาจจะเห็นว่าครูก็เล่นเก่งดี ตรงนี้ต้องอธิบายนิดหน่อยว่าเก่งมาได้เพราะว่าตอนที่เรียนมหาลัยค่ะครูของครูเนี่ยเป็นคนญี่ปุ่นนะ ดุมากๆถ้าเล่นไม่ได้เนี่ยนะคะโดนเชือดแน่ๆหรือโดนไล่ออกจากห้องค่ะ เพราะฉะนั้นก็เลยต้องซ้อมอย่างหนักไม่ได้ว่ามีระเบียบวินัยอะไรเลยแต่แค่กลัวโดนครูดุเท่านั้นเอง สำหรับเพื่อนๆที่เรียนด้วยตัวเอง เราก็ไม่มีใครมาดูเราหรือกดดันเราถูกมั้ย ทีเนี้ยเราก็จะต้องสร้างระเบียบวินัยให้ตัวเองค่ะซึ่งครูก็พยายามทําอยู่เช่นกัน ตอนนี้ครูก็ตั้งเป้าให้กับตัวเองนะคะว่าใน1 เดือนเนี่ย ครูจะตื่นเช้ามาดื่มสมูทตี้ที่มันมีประโยชน์ต่อร่างกายนะคะ เสร็จแล้วก็จะออกกําลังกายให้ได้วันละครึ่งชั่วโมงค่ะ จากนั้นก็จะทํายูทูปให้ได้ทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เนี่ยตั้งเป้าไว้ว่าจะทําให้ได้ค่ะ เพื่อนๆก็เช่นกันนะคะ สามารถตั้งเป้าให้ตัวเอง ถ้าเราเป็นคนไม่มีระเบียบวินัยยิ่งกว่าครู ก็ให้ตั้งเป้าไว้10 วันค่ะ 10 วันนี้นะ เราจะต้องเล่นสเกลให้ได้หรือว่าเราจะต้องเล่นเพลง Perfect ของ Ed Sheeran ให้ได้ภายใน10วัน การทำแบบนี้มันจะช่วยเราได้มากๆเลยค่ะ 2. คาดหวังสูงเกินไป สมมุติเพื่อนๆได้ยินครูเล่นเพลง Pirate of the caribian…
-
รวมปัญหาการฝึกเล่นเปียโนด้วยตัวเองพร้อมวิธีแก้
เพื่อนๆมีปัญหาเหล่านี้ในการเล่นเปียโนหรือไม่ เล่น 2 มือพร้อมกันไม่ได้ กดคอร์ดไม่ได้ เล่นเร็วๆไม่ได้ และอื่นๆอีกมากมาย ไปดูวิธีแก้กันค่ะ