อยากร้องเพลงเพราะต้องทำอย่างไร

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เชื่อว่าหลายๆคนคงเคยพยายามร้องเพลงกันมาก่อนแน่ๆ แต่ไม่ใช่ว่าใครก็จะร้องได้เพราะอย่างใจนึก บางทีเราเห็นนักร้องดังๆแล้วเราก็หัดร้องเพลงของนักร้องเหล่านั้น แต่ว่าเสียงของเราในจินตนาการกลับไม่เหมือนกับเสียงที่เราเปล่งออกมาเลยสักกะนิด อยากจะฝึกร้องต่อก็เกรงใจชาวบ้าน เพราะเสียงมันบาดหูเหลือเกิน หากเพื่อนๆเป็นแบบนี้อย่าท้อแท้ค่ะ วันนี้ครูจะมาบอกวิธีฝึกที่จะช่วยพัฒนาการร้องเพลงของเราให้ดีขึ้นในทันตาเห็นเลยค่ะ วิธีที่ครูจะแนะนำก็มีดังนี้ค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเล่นเปียโนป๊อบ ครูมีคอร์สสอนเปียโนที่จะทำให้เพื่อนๆสามารถเล่นเปียโนได้ภายใน 10 วัน โดยไม่ต้องมีพื้นฐาน ในคอร์สนี้จะสอนการเปลี่ยนคอร์ดให้เร็ว การเล่น 2 มือ การเล่นประกอบการร้อง การเล่นคอร์ดให้เข้ากับสไตลฺ์เพลง เรียนจบคอร์สแล้วเพื่อนๆจะสามารถเล่นเพลงได้เป็นพันๆเพลง หากสนใจสามารถคลิกดูรายละเอียดคอร์สได้ ที่นี่ ค่ะ

1. ฝึกการหายใจอย่างถูกต้องช่วยให้ร้องเพลงได้ดีขึ้น

การหายใจอย่างถูกวิธีนั้นจะช่วยให้เราร้องเสียงได้ตรงมากขึ้นและช่วยให้เราลากโน้ตหรือร้องประโยคได้ยาวขึ้น เพื่อนๆลองฝึกการหายใจดังนี้ก็จะช่วยให้เราร้องเพลงได้ดีขึ้นค่ะ

  • พยายามผ่อนคลายช่วงคอ ไม่เกร็งก็จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่คอนั้นลดความตึงเครียดและช่วยให้เราสามารถพัฒนาโทนเสียงได้ดียิ่งขึ้น
  • พยายามหายใจเข้าช้าๆ และจินตนาการว่าอากาศที่ผ่านเข้าไปนั้นมีความหนาและหนัก ขณะที่หายใจเข้าไปให้พยายามเคลื่อนที่อากาศไปไว้ที่ห้องใต้สะดือและลงไปอยู่ภายในกระบังลม จากนั้นหายใจออก ฝึกแบบนี้บ่อยๆก็จะช่วยให้เราควบคุมการหายใจได้ดีขึ้นค่ะ
  • ให้หาปีกนกที่มีน้ำหนักเบามาจ่อไว้ใกล้ๆปาก จากนั้นให้เป่าที่ปีกนกและพยายามเป่าทีละนิดให้ปีกนกขยับอย่างต่อเนื่อง จุดประสงค์ในการฝึกหัดบทนี้เพื่อที่จะควบคุมการปล่อยลมหายใจให้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
  • ฝึกการหายใจโดยการนับการหายใจเข้า 4 จังหวะและหายใจออก 4 จังหวะ เวลาหายใจออกให้สบฟันและปล่อยลมออกมาผ่านซึ่ฟัน เมื่อทำได้แล้วให้ปรับเป็น หายใจเข้า 6 จังหวะ หายใจออก 10 จังหวะ ต่อมาก็ หายใจเข้า 6 จังหวะหายใจออก 12 จังหวะ ต่อด้วยหายใจเข้า 4 จังหวะ ออก 16, หายใจเข้า 2 ออก 16, เข้า 4 ออก 20 และเข้า 1 จังหวะออก 20 จังหวะ หลังจากที่เราฝึกการหายใจแบบนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เรากักเก็บลมได้นานขึ้นแม้ว่าจะมีเวลาหายใจเพียงแค่สั้นๆ การฝึกนี้มีเป้าหมายให้เราร้องเพลงได้สมูทขึ้น มีโทนเสียงที่สม่ำเสมอ ไม่เปลี่ยนความดังเบาเวลาที่ปล่อยลมหายใจค่ะ

ครูเจอแบบฝึกหัดที่ฝึกแล้วได้ผลดีมากๆ ครูพยายามหายูทูปที่เป็นภาษาไทยแล้วแต่หาไม่ได้เลยจริงๆค่ะ วีดีโอนี้จะเป็นภาษาอังกฤษแต่ว่าไม่ต้องกลัวค่ะ เพราะว่าเราจะมีศัพท์แค่ 3 ตัวที่เพื่อนๆจะต้องรู้ ถ้ารู้ความหมายแล้วก็จะฝึกแบบฝึกหัดบทนี้ได้แล้วค่ะ คำที่สำคัญในบทเรียนนี้ก็จะมีคำว่า inhale แปลว่า หายใจเข้า suspend แปลว่า ให้กลั้นลมหายใจเอาไว้ exhale แปลว่า หายใจออก เขาจะบอกว่า ” inhale for 4″ แปลว่าให้หายใจเข้า 4 จังหวะ suspend for 4 แปลว่า กลั้นหายใจไว้ 4 จังหวะ และ exhale for 6 แปลว่าหายใจออก 6 จังหวะ สำหรับตัวเลขนั้นก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆนะคะ เพื่อนๆลองไปฝีกตามกันดูนะคะ

2. พยายามฝึกแบบฝึกหัดการวอร์มเสียง

หากเราต้องการร้องเพลงให้ดีขึ้น การวอร์มเสียงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเพราะจะช่วยให้เราร้องเพลงได้ตรงเสียงมากขึ้น ช่วยให้เสียงของเรามีความแข็งแรงมากขึ้น ช่วยยืดหยุ่นเส้นเสียงทำให้ลดอาการเส้นเสียงบาดเจ็บได้

เวลาฝึกให้ฝึกอย่างช้าๆและระมัดระวังเพื่อให้เส้นเสียงนั้นคลายตัวและพร้อมที่จะเริ่มร้องเพลงจริงๆ ลองดูแบบฝึกหัดสำหรับวอร์มเสียงตามนี้เลยค่ะ

3. ปรับท่าเวลาร้องเพลงจะช่วยให้ร้องได้ดีขึ้น

เวลาที่เราร้องเพลงแบบที่ไม่ได้ตั้งใจนั้น ส่วนใหญ่เราก็จะนั่งหลังค่อมบ้าง นอนเอนตัวบ้าง ซึ่งลักษณะท่าทางเหล่านี้ทำให้เราร้องเพลงได้ไม่ดีค่ะ เพราะว่าการนั่งแบบนี้ทำให้ลมภายในร่างกายนั้นไหลได้ไม่ดีเท่าที่ควรค่ะ

เวลาร้องเพลงควรจะยืนให้หลังตรง อ้าขาออกเล็กน้อยให้พอดีกับหัวไหล่ คอตั้งตรงหัวตั้งตรง อย่าเกร็งหัวไหล่และผ่อนคลายช่วงท้อง การผ่อนคลายนั้นเป็นกุญแจที่สำคัญในการร้องเพลงเลยค่ะ

4. หาช่วงเสียงตัวเองให้เจอจะช่วยให้ร้องเพลงได้ดีขึ้น

บางครั้งเราจะร้องเพลงที่เราชอบโดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าเสียงของนักร้องที่ร้องเพลงนั้นอาจจะไม่ได้อยู่ในช่วงเสียงของเรา ซึ่งอาจจะต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป การเลือกเพลงที่เหมาะกับช่วงเสียงของเราจะทำให้เราร้องเพลงได้เพราะขึ้นมากๆ เพราะเราจะไม่ต้องพยายามตะโกนเพื่อให้เสียงถึงโน้ตที่เราต้องการหรือพยายามร้องเสียงที่ต่ำมากๆจนฟังไม่รู้เรื่องค่ะ

5. ฝึกควบคุมเสียงโดยการร้องสเกล

การฝึกร้องสเกลนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆเพราะจะช่วยให้เราร้องเสียงได้ตรงโน้ต เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าเพลงที่เราฟังกันอยู่บ่อยๆนั้นล้วนแต่งมาจากสเกลแทบทั้งสิ้น หากเราร้องสเกลได้แม่นล่ะก็เราก็จะสามารถร้องเพลงได้ทุกเพลงแล้วล่ะค่ะ

6. พยายามหาสไตล์ของตัวเองในการร้องเพลง

เมื่อเราสามารถฝึกวิธีการทั้ง 5 ข้อตามที่ครูแนะนำได้หมดแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาที่จะหาเสียงของตัวเองแล้วค่ะ ให้เราพยายามเลือกเพลงที่เหมาะกับคาแรคเตอร์ของเสียงเรา จากนั้นพยายามร้องในแบบของตัวเอง ไม่ต้องทำตามนักร้องต้นฉบับ เราสามารถเอื้อนในแบบที่แตกต่างออกไป หรือสามารถเปลี่ยนบางโน้ตได้ นอกจากนี้เรายังสามารถเปลี่ยนจังหวะของเพลงให้ช้าลงหรือเร็วขึ้นตามใจเราได้อีกด้วย เพื่อนๆลองดูตัวอย่างของ the voice ก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่แล้วนักร้องจะร้องเพลงในสไตล์ของตัวเอง โดยบางครั้งเปลี่ยนจนจำเพลงต้นฉบับไม่ได้เลยค่ะ ลองฟังเพลงนี้ดูได้นะคะ เป็นเพลงของ Beyonce ซึ่งตันฉบับนั้นเป็นเพลงเร็ว แต่นักร้องที่ชื่อ Sofia นั้นเอามาร้องเป็นสไตล์ของตัวเองจนโด่งดังไม่แพ้เพลงต้นฉบับเลยค่ะ

7. อัดเสียงเวลาที่เราร้องเพลงจะช่วยให้ร้องเพลงได้ดีขึ้น

การอัดเสียงนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพราะจะเป็นตัวบอกว่าเราร้องเพี้ยนท่อนไหน ร้องเสียงดังไป เบาไป หรือร้องแข็งๆ เร่งจังหวะเกินไปหรือช้าเกินไป เมื่อเราได้ยินสิ่งที่เราร้องแล้วเราก็สามารถนำไปปรับปรุงการร้องของเราได้ โดยเราสามารถเลือกท่อนที่เรายังร้องได้ไม่ดีแล้วนำไปฝึกแยกร้องต่างหาก หรือหากเราร้องไม่ถึงก็สามารถหาแบบฝึกหัดที่จะช่วยร้องให้เสียงสูงขึ้นได้ ซึ่งก็จะแก้ปัญหาในท่อนนั้นๆได้ค่ะ

นี่ก็เป็นเคล็ดลับที่ครูนำมาฝากกันค่ะ หวังว่าเพื่อนๆจะนำไปฝึกเพื่อพัฒนาการร้องเพลงของตัวเองให้เพราะขึ้นนะคะ พบกันใหม่กับบทความฉบับหน้าค่ะ


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *