7 เทคนิคร้องเพลงคาราโอเกะยังไงให้ปัง

เชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนจะต้องเคยมีนัดเลี้ยงรุ่นกันที่ร้านคาราโอเกะกันบ้างแน่ๆ และหลายๆครั้งอาจจะโดนคะนั้นคะยอให้ร้องเพลงโชว์สัก 1 เพลง หากเพื่อนๆเป็นประเภทที่ชอบโชว์พลังเสียงก็ไม่มีปัญหา แต่หากเพื่อนๆเป็นคนหนึ่งที่ขี้อายไม่กล้าแสดงออก หรือเป็นคนที่ร้องเพลงไม่ค่อยเก่ง เราควรจะบอกเพื่อนๆว่าเราไม่อยากร้องหรือว่าเราจะเสี่ยงร้องเพลงแล้วทำให้ตัวเองขายหน้าดี ไม่ต้องเครียดไปค่ะ วันนี้ครูมีเทคนิคดีๆที่จะทำให้เราร้องคาราโอเกะได้อย่างมั่นใจ แถมยังเป็นจุดเด่นในงานได้อีกด้วยค่ะ พร้อมแล้วเราไปดูเทคนิคทั้ง 7 ข้อกันเลยค่ะ

1. ต้องรู้จักเสียงของตัวเอง

ข้อนี้เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกเลยที่เพื่อนๆจะต้องระวังมากๆ เราจะต้องรู้เรนจ์เสียงของเราว่าขีดจำกัดของเสียงสูงหรือเสียงต่ำอยู่ตรงไหน หากเพื่อนๆมีเรนจ์เสียงที่ไม่กว้างมากแล้วไปเลือกร้องเพลงอย่าง When the party’s over ของ ฺBillie Eilish มันก็ไม่รอดแน่ๆ เพราะเพลงนี้มีเรนจ์เสียงกว้างถึง 2 octave (16 ตัวโน้ต) เลยทีเดียว ขนาดในคอนเสิร์ตที่ Billie Eilish ร้องสดนั้น ท่อนที่ต้องขึ้นเสียงสูง เสียงนางยังหายไปถึง 2 โน้ตเลย นี่ขนาดว่าเป็นเจ้าของเพลงยังมีพลาดเลยค่ะ ส่วนเพื่อนๆที่มีเสียงบางก็ไม่ควรเลือกเพลงอย่าง Chandelier ของ Sia หรือเพลงของเจนนิเฟอร์คิ้มก็ไม่ค่อยเหมาะสักเท่าไหร่ หรือหากเราเป็นคนเงียบๆ ก็ไม่ควรเลือกร้องเพลง Dance Monkey แต่ควรจะเลือกเพลงของ Coldplay แทน ที่อธิบายมาทั้งหมดก็จะบอกว่า เพื่อนๆจะต้องสำรวจตัวเองก่อนว่ามีเสียงประเภทไหน เรนจ์เสียงกว้างแค่ไหน บุคลิกของเราเป็นอย่างไร ถ้าสำรวจตัวเองได้แบบนี้ก็จะทำให้เลือกเพลงได้เหมาะกับตัวเราแล้วค่ะ

ครูเขียนบทความเรื่อง 10 เทคนิคที่ช่วยให้ร้องเพลงดีขึ้นทันที ถ้าอยากร้องเพลงเพราะคลิกอ่าน ที่นี่ ได้เลยค่ะ หากเพื่อนๆยังร้องเพลงเสียงเพี้ยนอยู่ก็ต้องรีบแก้ค่ะ คลิกอ่าน 10 วิธีแก้ร้องเพลงเพี้ยน ได้เลยค่ะ

2.เลือกเพลงที่คนส่วนใหญ่รู้จักแต่ก็ไม่ใช่เพลงที่ดังจนเกินไป

ข้อนี้เพื่อนๆหลายคนอาจจะคิดว่า ไม่ดีหรอถ้าเราเลือกเพลงที่ดังมากๆที่คนรู้จัก การเลือกเพลงที่ดังนั้นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่หากว่าเราเลือกเพลงที่ดังมากจนเกินไปมันก็อาจจะทำให้น่าเบื่อได้ เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเลือกร้องเพลงเพลงนั้นแน่ๆ ทีนี้พอเพื่อนๆเราฟังกันบ่อยเข้ามันก็จะเริ่มรู้สึกว่า เพลงนี้อีกและเพิ่งจะฟังไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว นอกจากนี้ยังเกิดการเปรียบเทียบอีกด้วยค่ะ

เทคนิคในการเลือกเพลงคือ ให้เพื่อนๆเลือกเพลงที่ดังประมาณนึงแต่ไม่ต้องมาก แบบว่าพอเพื่อนๆเราได้ยินก็แบบ ว้าว! คิดถึงเพลงนี้จังเลย ไม่ได้ยินมานานแล้ว แบบนี้ก็น่าจะดีกว่าใช่มั้ยล่ะคะ อาจจะเป็นเพลงเก่ายุค 90 อย่างเพลง I knew i loved you ของ Savage Garden อะไรแบบนี้ก็ได้ค่ะ แบบเป็นเพลงที่เพื่อนๆเรารู้จักเมื่อสมัยนานมาแล้วอะไรแบบนั้น พอเค้าได้ฟังกันอีกทีก็จะรู้สึกประทับใจค่ะ

3. อย่าเลือกเพลงที่จะตกม้าตายตอนกลางเพลง

เพื่อนๆต้องแน่ใจว่าเพลงที่เราเลือกที่จะร้องคาราโอเกะนั้น เรารู้จักเพลงเป็นอย่างดี เพราะบางทีเราอาจจะชอบท่อนแรกหรือท่อนฮุคของเพลงแต่ดันลืมไปว่าเพลงนี้มันมีท่อนที่เป็นแรพด้วย ทีนี้ก็ไปต่อไม่ถูกเลยล่ะค่ะ หรือบางเพลงที่มีท่อนบริดจ์ที่สูงมากๆอย่างเพลง Someone you loved ท่อนแรกและท่อนกลางนั้นร้องง่ายๆสบายๆ แต่พอมาท่อนบริดจ์ก็ขึ้นเสียงสูงซะจนเหมือนกับคนละเพลงไปเลย แบบนี้ก็คงร้องไม่จบเพลงแน่ๆค่ะ

4. อย่าเลือกเพลงที่ท่อนฮุคดังมากๆ

เรื่องนี้ครูเคยเจอด้วยประสบการณ์ของตัวเองตอนร้องคาราโอเกะเลย ครูก็จำไม่ได้และว่าคือเพลงอะไร แต่เอาเป็นว่าท่อนฮุคของเพลงนี้เนี่ยดังระเบิดเลย แบบว่าทุกคนในห้องร้องกันได้หมด แต่ปัญหาก็คือทุกคนร้องท่อนฮุคได้ แต่ท่อนแรกนี่สิดันร้องไม่ได้เพราะเคยฟังแต่ท่อนฮุค ทีนี้ก็ไปไม่ถูกเลยค่ะ ก็ฮัมไปร้องเนื้อไปแบบว่าเมโลดี้มั่วไปหมด ดำน้ำจนสำลักน้ำไปเลยค่ะ

5. อย่าเลือกเพลงที่มีโซโลกีตาร์เยอะๆตอนกลาง

หากเพื่อนๆเลือกร้องเพลงที่มีกีตาร์โซโลนานมากๆล่ะก็ ปัญหาคือเราจะทำอะไรตอนที่เราไม่ได้ร้องเพลง จะเต้นหรอหรือว่าจะโยกเข่าไปมา หรือเดินไปเรื่อยๆ หากเราไม่ได้ฝึกตรงจุดนี้เราก็อาจจะทำตัวไม่ถูก รู้สึกเคอะเขินได้ ครูเคยขึ้นร้องเพลง zombie ของ The Cranberries บนเวที ซึ่งจะมีท่อนกีตาร์โซโลนานมากตอนจบ ตอนซ้อมครูก็เริ่มเครียดว่าจะทำอย่างไรกับท่อนนี้ดี จะเอามือไว้ตรงไหน จะเต้นดีมั้ยหรือว่าจะเดินไปเดินมา เปิดดูวีดีโอไลฟ์ที่วงนี้เล่นเพื่อดูว่านักร้องนำทำอย่างไรในท่อนนี้ สรุปว่าเธอเล่นกีตาร์ค่ะ เธอก็ใส่ใหญ่เลยมันก็เลยเอามาเป็นแบบไม่ได้เพราะครูไม่ได้เล่นกีตาร์ ครูเลยไปเปิดดู Cover ของเพลงนี้ก็ไปเจอคลิปที่นักร้องไม่ได้เล่นเครื่องดนตรี เค้าก็แบบว่าโยกหัวไปมาแบบได้อารมณ์ ครูก็พยายามฝึกให้มันเข้ากับเพลง แต่ท้ายที่สุดก็ต้องอาศัยฟีลจริงๆในตอนนั้นนั่นหละ แต่มันก็เป็นสิ่งที่ดีหากเรามีการเตรียมตัวล่วงหน้าก่อนสักเล็กน้อย จะได้ไม่เก้ๆกังๆ ระหว่างร้องคาราโอเกะค่ะ หากเพื่อนๆอยากร้องเพลงที่ต้องมีกีตาร์โซโลเยอะๆจริงๆ ลองดูยูทูปนี้เป็นตัวอย่างค่ะอาจจะช่วยได้บ้างค่ะ

6. หาเพลงในมือสัก 2-3 เพลง

หากเพื่อนๆต้องการที่จะปังตอนไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆล่ะก็ นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดเลยล่ะค่ะ นั่นคือให้เราฝึกร้องเพลงสัก 2-3 เพลงกับคาราโอเกะที่บ้าน โดยเวลาที่เราเลือกคาราโอเกะเนี่ยเดี๋ยวนี้ในยูทูปมันจะมีคีย์ให้เลือกว่าจะเอาเป็นเสียงแบบต้นฉบับ เสียงต่ำหรือเสียงสูง ให้ลองซ้อมแต่ละแบบแล้วดูว่าแบบเสียงไหนที่เราร้องได้สบายที่สุด เสียงเพราะที่สุดและเสียงไม่แตกตอนขึ้นเสียงสูง ให้ฝึกกับคาราโอเกะคลิปนั้นบ่อยๆจนสามารถร้องทั้งเพลงได้คล่องแคล่ว จำเนื้อร้องไปด้วยเลยยิ่งดีค่ะ ให้เพื่อนๆฝึกสัก 2-3 เพลง เผื่อว่าถ้าร้องดีแล้วเพื่อนๆของเราขอให้ร้องอีกจะได้มีเพลงสำหรับโชว์ได้อีกค่ะ

7. ฝึกวอร์มเสียงระหว่างที่อาบน้ำ

การร้องเพลงให้เพราะนั้นเราจะต้องมีการฝึกวอร์มเสียงอย่างสม่ำเสมอ หากเพื่อนๆไม่มีเวลามากอาจจะร้องโน้ต โด เร มี ฟา ซอล ไล่ไปกลับในระหว่างที่เราอาบน้ำก็ได้ค่ะ หรือถ้าเพื่อนๆมีเวลาวันละสัก 10 นาทีก็สามารถฝึกแบบฝึกหัดวอร์มเสียงจากลิงค์ที่ครูให้ไว้ด้านล่างนี้ก็จะยิ่งดีมากๆเลยล่ะค่ะ ครูมักจะฝึกวอร์มเสียงตอนขับรถเพราะว่ารถติด นั่งเฉยๆก็น่าเบื่อเลยเปิดคลิปวอร์มเสียงนี่แหละค่ะ วอร์มไปเรื่อยๆกว่าจะถึงที่ทำงานก็ร้องเก่งพอดีค่ะ

ทำอย่างไรถึงจะไม่รู้สึกเคอะเขินเวลาร้องคาราโอเกะ

สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราไม่เคอะเขินเวลาที่เราร้องคาราโอเกะนั้นคือเราจะต้องอินกับเพลงที่เรากำลังร้อง ถ้าเพลงเศร้าเราก็ต้องใส่ความรู้สึกเศร้าเข้าไปในบทเพลง หรือหากว่าเราร้องเพลงสนุกเราก็ต้องรู้สึกสนุกไปกับมัน ไม่ใช่เวลาร้องเพลงแดนซ์ล้วยืนร้องตัวแข็งไม่ขยับเขยื้อน หากเต้นไม่เป็นก็เดินไปมาเล็กน้อยก็ได้หรือว่าโยกตัวโยกเข่าสักเล็กน้อยก็จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติค่ะ

การพูดออกไมค์กับเพื่อนๆก่อนที่เราจะเริ่มร้องก็สามารถช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายก่อนที่จะร้องได้ อาจจะบอกชื่อเพลงที่เราจะร้องหรือชื่อนักร้องก็ได้ เราอาจจะบอกเพื่อนๆว่าถ้ารู้จักเพลงนี้ให้ช่วยกันร้องด้วย การพูดก่อนเริ่มร้องจะช่วยให้เราไม่รู้สึกเคอะเขินเวลาร้องเพลงค่ะ

การนั่งร้องเพลงทำให้ร้องไม่ดีหรือไม่

หากเราเป็นนักร้องมืออาชีพ การนั่งร้องหรือยืนร้องก็ไม่ได้ให้ความแตกต่างมากสักเท่าไหร่ แต่อย่างเราๆที่ร้องเพลงเฉพาะเวลาที่ไปสังสรรค์กับเพื่อนเนี่ย การนั่งร้องเพลงนั้นจะไม่มีทางให้เสียงที่ดีได้เท่ากับการยืนร้องอย่างแน่นอน เพราะการยืนร้องเพลงนั้นทำให้ลมสามารถส่งผ่านไปยังกล่องเสียงได้สะดวกกว่าการนั่งร้องเพลง การหายใจเวลายืนก็สามารถหายใจได้ลึกกว่า เมื่อหายใจได้ลึกขึ้นก็จะสามารถซัพพอร์ทเสียงของเราให้ดีขึ้นได้ หากเพื่อนๆอยากรู้ว่าการหายใจที่ถูกต้องนั้นช่วยให้ร้องเพลงเพราะขึ้นได้อย่างไร คลิกอ่านได้ ที่นี่ เลยค่ะ

ทำอย่างไรถึงจะแก้ไขการร้องเพลงเพี้ยนได้

การร้องเพลงเพี้ยนนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับนักร้องทุกคน แต่เพี้ยนแค่ไหนที่จะเรียกว่าเพี้ยน การร้องเพลงเพี้ยนแค่บางคำหรือบางประโยคนั้นสามารถแก้ไขได้ไม่ยาก หลายๆครั้งเราก็แค่ต้องฝึกประโยคนั้นให้มากๆ หากเราร้องเพลงเพี้ยนตรงท้ายประโยคก็อาจจะเกิดจากเรามีลมไม่มากพอที่จะซัพพอร์ททั้งประโยคได้ ตอนท้ายๆลมหมดเสียงก็จะเพี้ยนได้ค่ะ หากเราเสียงเพี้ยนแบบว่าผิดคีย์ตั้งแต่ต้นจนจบ อันนี้จะแก้ไขด้วยตัวเองค่อนข้างยาก เราจะต้องมีเพื่อนหรือครูคอยช่วยเช็คให้ว่าร้องได้ตรงหรือไม่ โดยควรฝึกการร้องสเกล ( โด เร มี ฟา ซอล ลา ที โด) ไล่ขึ้นไล่ลงให้แม่น ให้เพื่อนที่แม่นเรื่องการร้องเพลงมาช่วยดูและช่วยปรับให้ หากเพื่อนๆหัดเล่นเครื่องดนตรีสัก 1 อย่างก็จะช่วยได้มากๆเลยค่ะ อาจจะเป็นกีตาร์หรือคีย์บอร์ดก็ได้ หากเพื่อนๆเลือกหัดคีย์บอร์ดล่ะก็ คลิกอ่านบทความ เรียนเปียโนด้วยตัวเองเริ่มอย่างไร– อ่านก่อนจะได้ไม่เริ่มแบบผิดๆ ค่ะ

ทำไมร้องคาราโอเกะแล้วเสียงแย่

1. เสียงในห้องดังมากทำให้ไม่ได้ยินเสียงดนตรี

การร้องคาราโอเกะตามร้านนั้นค่อนข้างยากที่จะโฟกัสเสียงของเราให้ดี เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วจะเป็นปาร์ตี้เพื่อนฝูง ดังนั้นเสียงของเพื่อนๆที่คุยกันก็จะดังมากจึงทำให้ยากที่จะแยกเสียงของคาราโอเกะออกจากเสียงของบรรยากาศในห้องและยากที่จะมีสมาธิในการร้อง เรื่องนี้แก้ได้ไม่ยาก เราแค่จะต้องทำให้เพื่อนๆสนใจสิ่งที่เรากำลังจะร้องด้วยการพูดเกริ่นก่อนที่จะเข้าเพลง ทำให้เพื่อนๆมีส่วนร่วมกับเพลงของเราก็จะช่วยได้เยอะเลยค่ะ

2. เลือกเพลงผิด

ครูเข้าใจว่าเรามีเพลงโปรดที่เราฟังอย่างสม่ำเสมอและเราอยากจะร้องเพลงนั้น แต่หลายๆครั้งเพลงที่เราชอบไม่ได้แปลว่าเพลงนั้นเป็นเพลงที่เราร้องได้ดี ครูชอบเพลง All I ask ของ Adele มากๆ แต่ครูไม่เคยร้องเพลงนี้ในร้านคาราโอเกะเลยเนื่องจากเพลงนี้มีเรนจ์เสียงที่สูงมาก ซึ่งเวลาที่ครูร้องแล้วทำให้เสียงแตก ฟังไม่ได้เลย ครูจึงไม่เคยร้องเพลงนี้ให้ใครฟังเลย อีกอย่างคือการเลือกเพลงที่ไม่เข้ากับบุคลิกของเราก็ทำให้เราร้องคาราโอเกะได้ไม่ดีค่ะ

3. ร้องผิดคีย์

หากเพื่อนๆฝึกร้องคาราโอเกะที่บ้าน ให้ดูว่าคาราโอเกะที่เราเปิดนั้นเป็นคีย์ต้นฉบับเหมือนที่นักร้องร้องหรือเปล่า หากเราฝึกร้องคีย์ต้นฉบับแต่เวลาไปร้องที่ร้านกลับเป็นอีกคีย์หนึ่งเราก็จะร้องไม่ได้ค่ะ หรือหากเราฝึกร้องกับคาราโอเกะที่คีย์ต่ำกว่าคีย์ต้นฉบับ เวลาที่เราไปร้องที่ร้านก็ต้องร้องคีย์ที่ต่ำกว่าต้นฉบับเช่นกัน ไม่อย่างนั้นเราจะร้องเสียงหลงแน่ๆค่ะ

4. ร้องเพลงโดยใช้คอ

การร้องเพลงโดยใช้คอนั้นทำให้ได้เสียงที่ไม่ดี เสียงที่ได้จะออกแนวตะเบ็ง หากเพื่อนๆเริ่มรู้สึกว่าลำคอของเราตึงระหว่างที่ร้องเพลง เป็นไปได้ว่าเราใช้คอในการร้องเพลงเป็นหลัก เราควรร้องเพลงจากกระบังลมเพื่อดึงเสียงร้องของเรานั้นออกมาให้ได้มากที่สุด

วิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการฝึกหายใจเข้าลึกๆ ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาทีต่อวันเพื่อจดจ่อกับลมหายใจของเราจริงๆ โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่าการหายใจด้วยท้อง ให้ฝึกหายใจเข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ให้เต็มท้องของเรา จากนั้นก็ต้องหายใจออกช้าๆ และเป่าลมช้าๆ

นอกจากนี้ เมื่อเพื่อนๆกำลังร้องเพลงจริงๆ ให้ตั้งสติในการร้องเพลงและพยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วสร้างเสียงจากด้านล่างของร่างกาย ข้อนี้ต้องใช้การฝึกฝนเล็กน้อย แต่เป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ร้องคาราโอเกะได้ดีขึ้น!

5. เข้าผิดจังหวะ

การร้องเพลงโดยที่ไม่แน่ใจว่าจะเข้าจังหวะตอนไหน สามารถทำให้เพลงทั้งเพลงนั้นล่มได้เลย คนฟังก็จะหงุดหงิดเพราะเราเข้าจังหวะผิดๆถูกๆ วิธีแก้ก็คือให้ฝึกร้องกับเพลงต้นฉบับและร้องไปพร้อมๆกับนักร้อง แต่การฝึกแบบนี้ก็มีข้อเสียเล็กน้อยเนื่องจากเวลาที่เราร้องไปพร้อมๆกับนักร้องจะทำเสียงของเราดูดีกว่าความเป็นจริง เราก็จะหลงเข้าข้างตัวเองว่าเราร้องเก่ง แต่พอไปร้องจริงๆแล้วกลับเป็นเรื่องนึง อันนี้ต้องเช็คให้ดีค่ะ อีกวิธีที่จะช่วยเรื่องจังหวะของเราได้มากก็คือ การร้องกับเครื่องเคาะจังหวะก็จะทำให้จังหวะในเพลงของเรานั้นดีขึ้นค่ะ เพื่อนๆสามารถดาวน์โหลดเครื่องเคาะจังหวะจากแอพพลิเคชันในโทรศัพท์ได้เลย แค่พิมพ์ค่ำว่า metronome ก็จะมีขึ้นมาให้เลือกมากมายเลยค่ะ

6. ตำแหน่งของไมโครโฟนไม่เหมาะสม

การร้องเพลงกับไมโครโฟนนั้นต้องได้รับการฝึกฝนอยู่พอสมควร เพราะบางครั้งหากปากเราห่างจากไมค์เกินไปก็จะทำให้ไม่มีเสียง หรือหากว่าเราใกล้กับไมค์เกินไปก็จะได้ยินเสียงอู้อี้ได้ หรือถ้าเราร้องเสียงดังแบบตะโกน ระยะห่างของไมค์ก็จะต้องมากขึ้นกว่าการร้องท่อนเบาๆ ดังนั้นเราจึงต้องปรับตำแหน่งของไมค์ให้เหมาะสมกับระดับเสียงของเราเวลาที่ร้องเพลงค่ะ

7. ไม่ได้วอร์มอัพเสียงก่อนร้อง

การวอร์มอัพเสียงไม่ได้ใช้สำหรับนักร้องมืออาชีพอย่างเดียว หากเพื่อนๆต้องการร้องเพลงให้ดีล่ะก็เราจะต้องมีการวอร์มอัพเสียงก่อนที่จะร้องจริงๆเพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพที่สุด ลองดูแบบฝึกหัดบทนี้ในการช่วยวอร์มเสียงดูค่ะ

8. ไม่ได้ซ้อมมากพอ

หากเพื่อนๆไม่เคยซ้อมร้องเพลงกับคาราโอเกะเลย การที่จะร้องให้ได้ดีตั้งแต่ครั้งแรกต่อหน้าสาธารณะชนนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย ขนาดคนที่ฝึกร้องมามากๆพอต้องร้องต่อหน้าคนอื่นก็ยังร้องได้ไม่ดีเท่ากับตอนซ้อมเลยค่ะ ดังนั้นหากเพื่อนๆต้องการร้องคาราโอเกะให้ปังก็จะต้องฝึกเพลงนั้นๆบ่อยๆค่ะ

9. ขาดความมั่นใจ

แม้ว่าเราจะฝึกร้องเพลงมามากแค่ไหน หากเราขาดความมั่นใจคนดูก็จะรู้สึกได้ เสียงที่เราร้องออกมาก็จะฟังดูสั่นๆบางๆ ท่าทางเวลาที่ร้องเพลงก็จะดูเคอะเขินขัดหูขัดตาไปหมด ก่อนที่เราจะเริ่มร้องนั้นจะต้องบอกกับตัวเองเรา เราฝึกมาดี เราทำได้ เราร้องเก่ง เท่านี้ก็จะช่วยให้เพื่อนๆมีความมั่นใจในการร้องคาราโอเกะมากขึ้นแล้วค่ะ

10. อุปกรณ์ไม่มีคุณภาพ

การร้องเพลงโดยมีอุปกรณ์ที่ไม่ดีก็ยากที่จะทำให้เสียงดีได้ ไมค์คุณภาพต่ำหรือลำโพงที่เสียงไม่ดีก็ทำให้การร้องเพลงของเรานั้นแย่ได้ หากเราจัดปาร์ตี้คาราโอเกะที่บ้านของเรา ก็ให้เพื่อนๆเตรียมไมโครโฟนที่คุณภาพดี อย่างไมโครโฟนยี่ห้อ ชัวร์ นั้นค่อนข้างคุณภาพดีทีเดียว รับรองว่าเสียงร้องของเรานั้นคมชัดเสียงหวานแน่นอนค่ะ

นี่ก็เป็นเคล็ดลับในการที่จะช่วยให้เพื่อนๆร้องคาราโอเกะให้ปัง ข้อแนะนำของครูจะช่วยเพื่อนๆได้หากเพื่อนๆฝึกร้องเพลงอย่างสม่ำเสมอจนมั่นใจ รับรองว่าการร้องคาราโอเกะคราวหน้านั้นเราจะต้องเป็นสตาร์ของงานอย่างแน่ๆค่ะ

20 เพลงคาราโอเกะที่ร้องง่ายๆ

  1. เบาๆ – singular
  2. ของขวัญ – musketeers
  3. คนใจง่าย – ไอซ์ ศรันยู
  4. ซ่อนกลิ่น – ปาล์มมี่
  5. หวั่นไหว – Bodyslam
  6. ใกล้ – Scrubb
  7. หยุด – Grooveriders
  8. รักแท้ ยังไง – น้ำชา
  9. The Beatles – Hey Jude
  10. Stay with me – Sam Smith
  11. Imagine – John lennon
  12. Taylor Swift – Shake it Off.
  13. Fly Me to the Moon – Frank Sinatra
  14. Let It Be – The Beatles
  15. Price Tag – Jessie J
  16. Roar – Katy Perry
  17. Call away – Charlie puth
  18. The Sound of Silence – Simon, and Garfunkel
  19. perfect – Ed sheeran
  20. All of me – john Legend

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *