7 สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อที่ดีที่สุด

สายกีตาร์นั้นมีหลากหลายแบบมากๆ และแต่ละยี่ห้อก็มีวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน ให้เสียงที่แตกต่างกัน สายกีตาร์บางแบบจะให้เสียงใส กังวาน แหลม สายกีตาร์บางแบบจะให้เสียงทุ้ม ต่ำ ก้าวร้าว ดังนั้นก่อนเพื่อนๆจะตัดสินใจซื้อสายกีตาร์ก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดี จะได้เลือกได้ถูกใจ วันนี้เราคัดเลือกสายกีตาร์ยี่ห้อที่ดีที่สุดมาให้เพื่อนๆได้ดูกัน 7ยี่ห้อ มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

ยี่ห้อจุดเด่นของแบรนด์ราคา รุ่นที่ขายดีรุ่นที่ขายดีรุ่นที่ขายดี
Ernie Ball– แบรนด์ที่นักกีตาร์ทั่วโลกใช้
– เสียงดี
– มีให้เลือกหลายขนาด
เริ่มต้นที่ 180 บาทErnie Ball Slinky
Ernie Ball Slinky CobaltErnie Ball Paradigm
D’Addario– มีไลน์ให้เลือกมาก
– มีรุ่นที่เคลือบสายทำให้ทนทานมากขึ้น
– คุณภาพดี
180-380D’Addario XLD’Addario NYXL
Gibson– สายนิ่มเหมาะกับมือใหม่
– โทนเสียงใส
เริ่มต้นที่ 60 Gibson Vintage ReissueGibson Brite Wires
SIT– สายมีส่วนผสมของโลหะทำให้คงทนเริ่มต้นที่ 225SIT Power Wound
Fender– คุณภาพเสียงดีและมีเอกลัษณ์
เริ่มต้นที่ 180  Fender Original BulletDunlopDunlop Heavy Core
GHS – เสียงชัด ใส เป็นธรรมชาติ เริ่มต้นที่ 160 GHS Boomers Electric Guitar Strings
Elixir – มีความทนมาก
– ใช้เทคโนโลยีเคลือบสาย
เริ่มต้นที่ 80 Elixir Optiweb CoatedElixir Nano CoatedElixir Polyweb Coated

สำหรับใครที่ซื้อสายกีตาร์มาแล้วแต่ไม่รู้วิธีตั้งสาย สามารถคลิ๊กเข้าไปดูวิธีตั้งสายได้ที่ วิธีตั้งสายที่ถูกต้องแบบพื้นฐานและแอดวานซ์ และใครที่กำลังคิดอยากจะซื้อกีตาร์อย่าพลาดอ่านบทความ 7 วิธีเลือกกีตาร์อะคุสติกให้คุ้มค่าเงินที่สุด ได้เลย

1. สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อ Ernie Ball

เป็นสายกีตาร์ที่นิยมมากที่สุดยี่ห้อหนึ่ง มีขนาดให้เลือกมากที่สุดในตลาด ให้เสียงที่ใส คม มีให้เลือกตั้งแต่เบอร์ 9-12 หาง่ายและมีราคาไม่แพง

รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ รุ่น Ernie Ball Slinky ซึ่งสายนั้นเป็นสายนิกเกิลชุบโลหะ มีให้เลือกหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น รุ่นธรรมดา พาวเวอร์ ไฮบริดจ์ สกินนีท็อป เฮฟวีบอททอม หรือ ซูเปอร์โมเดล

สายกีตาร์ไฟฟ้าของ Ernie Ball มีความคงทน เสียงดี และนอกจากนี้ราคายังไม่แพงอีกด้วย เกจของสาย (ความหนา) มีตั้งแต่ 8-38 ถ้ารุ่น Extra Slinky จะมีความหนาตั้งแต่ 12-62 นอกจากนี้ยังมีความหนาที่ละเอียดมากกว่ายี่ห้ออื่นๆ คือ มีความหนาเป็นจุดทศนิยม 10.5-52 ไม่ว่าเพื่อนๆจะเล่นสไตล์ไหน ก็สามารถเลือกใช้สายกีตาร์ของ Ernie Ball ได้แน่นอน

2. สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อ D’Addario

สายกีตาร์ไฟฟ้า D’Addario เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมมาก มีคุณภาพดีและราคาถูก มีหลากหลายเกจ (ระดับความหนาของสาย)และหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่เบอร์ 9-12 มีรุ่นที่เป็น Hybrid ด้วย D’Addario เป็นสายกีตาร์ที่ขายดีที่สุด

รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ รุ่น D’Addario XL ซึ่งมีวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน 6 วิธี ทำให้แต่ละแบบมีคาแรคเตอร์เป็นของตัวเอง บางรุ่นจะพันด้วยโลหะแบบผิวเรียบ ทำให้ไม่เจ็บนิ้วเวลาเล่น และเวลาเลื่อนนิ้วบนคอร์ดก็จะไม่มีเสียงดังมาก เสียงที่ได้ก็จะนุ่มนวลไม่แหลม บางรุ่นก็พันด้วยโลหะโค้งมนแบบเรียบ ทำให้กดได้ง่ายมากขึ้น แต่ราคาก็สูงกว่าการพันสายแบบอื่นๆ บางรุ่นพันด้วยนิกเกิล ก็จะให้เสียงที่นุ่มนวล ออกแนววินเทจ เพื่อนๆก็สามารถเลือกได้ตามสไตล์การเล่นของแต่ละคน นอกจากนี้ยังมีเกจให้เลือกมากอีกด้วย และด้วยความที่สายกีตาร์ยี่ห้อ D’Addario นั้นมีหลากหลายแบบมากๆ จึงทำให้หลายๆคนรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเลือกอันไหนดี และก็ง่ายในการเลือกผิดแบบด้วย

3. สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อ Gibson

เนื่องจาก Gibson เป็นยี่ห้อกีตาร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดยี่ห้อหนึ่งเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าสายกีตาร์ของยี่ห้อนี้จะได้รับความนิยมมากเช่นกัน สายกีตาร์ยี่ห้อนี้มีให้เลือกตั้งแต่เบอร์ 9-12 ให้โทนเสียงใส น่าฟัง

รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือรุ่น Gibson Vintage Reissue รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่สายนั้นทำมาจากนิกเกิล 100 % ให้เสียงที่อบอุ่นและใสอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนักกีตาร์บางคนอาจจะไม่ชอบเสียงแนวนี้เพราะอาจจะไม่เหมาะกับการเล่นสไตล์ร็อกหรือเมทัล ดังนั้นเพื่อนๆต้องดูสไตล์ของตัวเองเป็นหลักจะได้เลือกเสียงให้ถูกใจ

4. สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อ SIT

เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ผลิตจากประเทศจากอเมริกา จุดเด่นของสายกีตาร์ยี่ห้อนี้คือ เสียงไม่เพี้ยนแม้ว่าจะเล่นหนักแค่ไหนก็ตาม มีศิลปินเลือกใช้ SIT กันไม่น้อยเลยทีเดียว  โดยสายนั้นให้เสียงที่มีเอกลักษณ์และคงทนมากๆเพราะสายมีส่วนผสมของโลหะที่เป็นเฉพาะของทางแบรนด์ สายกีตาร์ของ SIT มีทั้งหมด 7 ซีรีย์ ได้แก่ Power Wound (รุ่นที่นิยมที่สุด) Silencers, Power Groove, Power Steel, No Break, Flatwound and Super Hooks

รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือรุ่น Power Wound ให้เสียงกว้าง ชัดเจน ไม่ทึบ โดยสายกีตาร์นั้นใช้นิคเกิ้ลชุบแบบพิเศษของทางแบรนด์ทำให้สายมีความคงทนมาก รวมไปถึงมีการเคลือบสายแบบพิเศษที่ยิ่งทำให้อึดมากกว่าปกติ เอาเป็นว่าเล่นโหดแค่ไหนก็ไม่เสื่อมสภาพ นอกจากนั้นยังมีเกจของสายให้เลือกเยอะอีกด้วย

5. สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อ Fender

แม้ว่ากีตาร์ยี่ห้อ Fender จะได้รับความนิยมมากที่สุด แต่สายกีตาร์ของ Fender นั้นกลับไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร อาจจะเป็นเพราะว่ามีขายในตลาดน้อยด้วย เสียงจากสายกีตาร์ Fender นั้นจะให้เสียงที่ใส นุ่มนวลเหมาะกับสไตล์วินเทจ

รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดคือรุ่น  Fender Original Bullet เป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ให้เสียงวินเทจมากๆ นุ่มนวล ใสและหวานฉ่ำที่สุด รุ่นนี้จึงไม่เหมาะกับนักกีตาร์ชาวร็อกหรือเมทอลสักเท่าไหร่

6. สายกีตาร์ยี่ห้อ GHS

เป็นสายคุณภาพดีที่มาจากอเมริกา โดยเป็นสายกีต้าร์ไฟฟ้าที่ให้เสียงใส่ ชัดเจน และราคาสมเหตุสมผล โดยมีหลากหลายรุ่นและเบอร์สายให้เลือกใช้

รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ รุ่น GHS Boomers Electric Guitar Strings สายกีตาร์เป็นแบบนิกเกิลชุบเหล็ก ซึ่งจะให้เสียงที่นุ่มนวล ใส ออกแนวเทจ อาจจะไม่เหมาะกับแนวร็อค เมทัล แต่จะเหมาะกับแนวป๊อปร็อค บลูส์ คันทรี่ๆ ที่สำคัญราคาสมเหตุสมผล เกจมีให้เลือกไม่มากเท่ากับยี่ห้ออื่นๆ แต่รับรองว่าคุณภาพเทียบเท่ายี่ห้ออื่นได้แน่นอน นักกีตาร์บางคนอาจคิดว่าเสียงจากรุ่นนี้สว่างเกินไปจึงไม่ชอบ แต่ไม่ลองก็ไม่รู้ เราอาจจะชอบเสียงแบบนี้ก็ได้

7. สายกีตาร์ยี่ห้อ Elixir

ถ้าพูดชื่อนี้ขึ้นมารับรองว่านักกีตาร์ไทยต้องร้องอ๋อกันแน่นอน เพราะเชื่อว่าจะต้องเคยมีสายกีตาร์ยี่ห้อนี้ไว้ในครอบครองแน่ๆ เพราะสายกีต้าร์ไฟฟ้า Elixir นั้น มีความอึด ถึก ทนมากๆ ซึ่งความทนทานนี้เกิดจากเทคโนโลยีการเคลือบสายแบบฉบับของทางแบรนด์ ทำให้ได้สายที่ให้เสียงที่ค่อนข้างคงที่เป็นระยะเวลานาน

รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ รุ่น Elixir Optiweb Electric Guitar Strings เป็นรุ่นที่อึดที่สุดในท้องตลาด สายมีความคงทนมากเนื่องจาก เป็นสายกีตาร์ Nickel-plated steel – เหล็กที่เคลือบด้วยนิกเกิ้ล ซึ่งเป็นสายกีตาร์ไฟฟ้าที่นิยมที่สุดก็ว่าได้ เพราะจะให้เสียงที่เล่นได้กว้างหลายแนว เสียงไม่แหลมเกินไปหรือเสียงหนาเกินไป จึงเหมาะกับทุกสไตล์เพลง

หลายคนอาจจะกลัวว่าสายกีตาร์ที่เคลือบด้วยโลหะหนาๆแบบนี้จะให้เสียงที่ไม่ใส แต่รุ่นนี้รับรองได้ว่าให้เสียงใสและมีความกังวานมากไม่เหมือนกับสายที่เคลือบโลหะยี่ห้ออื่นๆ ข้อเสียของสายกีตาร์รุ่นนี้คือมันมีราคาแพงกว่ารุ่นอื่นๆมาก

เกจของสายกีตาร์คืออะไร

เกจ ของสายกีตาร์ คือ ความหนาของสาย สายกีตาร์จะมีขนาดไม่เท่ากัน มีความหนาบางที่ต่างกัน ซึ่งเราเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Gauge (เกจ) ยิ่งเกจน้อยก็จะเส้นบาง เล่นแล้วไม่เจ็บนิ้ว แต่ก็จะให้เสียงใสไม่หนา เกจมากก็จะเส้นหนา เล่นแล้วเจ็บนิ้วมากกว่า ให้เสียงหนา

ชุดของสายกีตาร์ที่นิยมก็จะมีชุด 9, 10,11 ชุดที่นิยมมากที่สุดจะเป็นชุดที่ 10 ซึ่งเวลาเพื่อนๆเลือกซื้อสายกีตาร์ก็ให้ดูที่ซองของกีตาร์ จะมีตัวเลขระบุไว้ บางครั้งจะเป็นเลขเดี่ยวเช่น 10-46 บางครั้งจะเป็นเลขทศนิยม เช่น .010 – .046  หมายความว่าสาย 1-6 จะไล่เรียงตั้งแต่เกจ 10 ไปจนถึงเกจ 46 เราเรียกสายเซ็ตนี้ว่าชุดเบอร์ 10 โดยเราดูจากเลขตัวแรกที่ระบุไว้บนซอง สายชุดที่ 10 นี้จะเป็นสายมาตรฐานที่ผู้เล่นทั่วโลกใช้กัน จะให้เสียงที่ไม่บางและหนาจนเกินไป เสียงมีความแน่นและมีพลัง

สำหรับมือใหม่นั้นอาจจะใช้สายชุดที่ 10 หรือ 9 ก็ได้ หากต้องการสายนิ่มมากๆก็ควรใช้สายชุดที่ 9 ซึ่งจะมีสัญลักษณ์ .009-.042 หรือ 9-42 ซึ่งยิ่งเลขน้อยก็แปลว่าสายกีตาร์จะเล็กลงไปด้วย เมื่อสายเล็กและบางก็จะทำให้กดง่ายขึ้นและก็จะเจ็บน้อยลง ดังนั้นสายชุดที่ 9 นี้จึงเหมาะกับมือใหม่เริ่มเล่นกีตาร์มากๆ ส่วนสายชุด 11 นั้นจะเหมาะกับเพื่อนๆที่ต้องการฝึกหนักๆ เพราะสายจะใหญ่กว่าจะเล่นยากกว่าชุดอื่นๆ จึงทำให้เรามีกำลังนิ้วมากขึ้น

นอกจากสายชุดต่างๆตามที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีการไล่น้ำหนักของสายที่แตกต่างจากด้านบน เช่น skinny top heavy bottom คือสายต่ำๆจะมีเสียงหนามากกว่าปกติ ทำให้เล่นแล้วได้เสียงเบสหนาและเสียงสูงยังคงใสเหมือนเดิม

ชนิดของสายกีตาร์ไฟฟ้า

  1. Stainless Steel ( สแตนเลส) เป็นวัสดุที่ให้เสียงที่แหลม สดใส สว่าง คมชัด เสียงออกแนวกระด้าง เหมาะกับแนวเพลงร็อคและเมทัล และข้อดีอีกอย่างคือสายกีตาร์เเบบนี้คือขึ้นสนิมยากกว่าโลหะแบบอื่น
  2. Nickel-plated steel (นิกเกิลชุบเหล็ก) ให้เสียงที่เล่นได้กว้างหลายแนวเป็นเสียงที่มีความสมดุลไม่แหลมและทุ้มเกินไป เป็นสายที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
  3. Pure Nickel (นิกเกิล) เสียงจะฟังแล้วอบอุ่น เสียงนุ่มฟังสบาย นิยมใช้กับการกีตาร์ไฟฟ้า จะให้เสียงที่นุ่มนวล ค่อนข้างจะวินเทจ อาจจะไม่เหมาะกับแนวร็อค เมทัล เท่าไหร่ แต่เล่นกับแนวเพลงป๊อปร็อค บลูส์ คันทรี่ ก็จะเข้ากันมาก

เนื่องจากสายกีตาร์นั้นมีให้เลือกหลากหลายมากๆ เพื่อนๆควรศึกษาให้แน่ใจว่าสายกีตาร์ที่เราจะซื้อนั้นเหมาะกับสไตล์การเล่นของเราและเหมาะกับกีตาร์ของเราหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ ก่อนจะเปลี่ยนขนาดของสายกีตาร์ เราต้องหาข้อมูลว่ากีตาร์ของเราถูกเซ็ตอัพมากับสายขนาดอะไร ถ้าจะเปลี่ยนขนาดสายกีตาร์เราต้องเซ็ตอัพกีตาร์ให้เหมาะสมด้วย กีตาร์จะได้ไม่เกิดการชำรุด


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *