ไวโอลินตัวใหญ่เรียกว่าอะไร

ไวโอลินนั้นจัดเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย ซึ่งในตระกูลเครื่องสายนั้นก็จะมีเครื่องดนตรีอื่นๆที่หน้าตาเหมือนไวโอลินมากๆแต่มีขนาดใหญ่กว่า เราจะไปดูกันว่าเครื่องดนตรีเหล่านี้เรียกว่าอะไรกันบ้างค่ะ

ไวโอลิน (violin) มี 8 ขนาด ซึ่งมีขนาดตั้งแต่ 16.5 นิ้ว-23 นิ้ว เครื่องดนตรีที่หน้าตาเหมือนไวโอลินแต่ใหญ่กว่าเล็กน้อยเรียกว่า “วิโอลา (viola)” ถ้ามีขนาดใหญ่มากและผู้เล่นจะต้องนั่งเล่นบนเก้าอี้ โดยวางเครื่องดนตรีไว้ระหว่างขา เราเรียกว่า “เชลโล (Cello)” ส่วนเครื่องดนตรีที่หน้าตาเหมือนไวโอลินและมีขนาดใหญ่จนผู้เล่นจะต้องนั่งบนเก้าอี้สูงหรือยืนเล่น เราเรียกว่า “ดับเบิลเบส (Double Bass)

เราจะมาดูรายละเอียดของเครื่องดนตรีในตระกูลเครื่องสายกันว่าแต่ละแบบนั้นให้เสียงสูงต่ำอย่างไร และมีวิธีเล่นเหมือนหรือต่างกันอย่างไรค่ะ สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเกี่ยวกับเครื่องดนตรีสากลประเภทอื่นสามารถคลิ๊กอ่านบทความ เครื่องดนตรีสากลมีกี่ประเภท ได้เลยค่ะ

1. เครื่องสายประเภทไวโอลิน (Violin)

ไวโอลินมีกี่ขนาด แต่ละขนาดเหมาะกับนักเรียนอายุเท่าไหร่

ไวโอลินนั้นมีทั้งหมด 8 ขนาด เราแบ่งไซส์ของไวโอลินจากการวัดขนาดความยาวของไวโอลิน โดยจะแบ่งเป็นไซส์ดังนี้

ไซส์ของไวโอลิน ความยาวของไวโอลิน เหมาะกับนักเรียนอายุ
4/4 (ขนาดเต็มตัว)23 นิ้ว 11 ปี-ผู้ใหญ่
7/8 22 นิ้ววัยรุ่น-ผู้ใหญ่
3/421.5-22 นิ้ว 9-12 ปี
1/2 20 นิ้ว 7-9 ปี
1/418-18.5 นิ้ว5-7 ปี
1/816.5 นิ้ว4-6 ปี
1/1015 นิ้ว4-5 ปี
1/1614 นิ้ว3-5 ปี

ไวโอลินนั้นเป็นเครื่องดนตรีที่นิยมเล่นที่สุดในตระกูลเครื่องสายและเป็นเครื่องดนตรีที่ให้เสียงสูงที่สุดในตระกูลเครื่องสายเช่นกัน เสียงของไวโอลินนั้นจัดอยู่ในระดับเสียงโซปราโน นักประพันธ์เพลงคลาสสิคหลายๆท่านได้ประพันธ์เพลงโซโลให้ไวโอลินไว้เป็นจำนวนมาก

ในวงออร์เคสตรานั้นจะต้องมีนักดนตรีที่เล่นไวโอลินอย่างน้อย 12 คน ซึ่งจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ ไวโอลิน 1 กับไวโอลิน 2 โดยไวโอลิน 1 จะเล่นแนวทำนองหลัก ส่วนไวโอลิน 2 จะเล่นแนวทำนองที่ต่ำกว่าเพื่อประสานกับไวโอลิน 1 บางครั้งในวงออร์เคสตราอาจมีไวโอลินกลุ่มที่ 3 เกิดขึ้นได้เช่นกัน และส่วนใหญ่จะเล่นแนวประสานค่ะ

เพื่อนๆที่อยากรู้ว่าไวโอลินมีราคาเท่าไหร่ สามารถคลิ๊กอ่านบทความ ไวโอลินราคาเท่าไหร่ ได้เลยค่ะ

2. เครื่องสายประเภทวิโอลา (Viola)

ในวงออเคสตราวิโอลาให้เสียงที่ไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป ซึ่งเราเรียกระดับเสียงนี้ว่า “อัลโต” แม้ว่าวิโอลาจะมีรูปร่างเหมือนไวโอลินแต่ด้วยขนาดที่ใหญ่กว่า จึงให้เสียงที่ลึกและอบอุ่นมากกว่าไวโอลินค่ะ

ไวโอลินและวิโอลานั้นมีเทคนิคการเล่นที่เหมือนกัน ทั้งการใช้สายสี การใช้นิ้วดึงสาย หรือแม้แต่กระทั่งการจูนเสียงก็เหมือนกับไวโอลินเช่นกัน การเล่นเครื่องดนตรีก็ต้องยกวิโอลาขึ้นมาบนหัวไหล่และใช้คางแนบกับเครื่องดนตรีด้วยมือซ้าย ส่วนมือขวาจะถือคันชัก ซึ่งลักษณะการเล่นแบบนี้เหมือนกับไวโอลินทุกประการเลยค่ะ

ระดับเสียงของวิโอลาจะต่ำกว่าไวโอลิน โดยมีระดับเสียงที่ C3, G3, D4 และ A4 ในวงออร์เคสตรานั้นวิโอลาจะเล่นแนวประสานมากกว่าแนวทำนองหลัก ส่วนใหญ่จะมีผู้เล่นวิโอลาในวงออร์เคสตราประมาณ 12 คน

3. เครื่องสายประเภทเชลโล (Cello)

เชลโล (Cello) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ไวโอลอนเชลโล (Violoncello) ใช้คันชักในการเล่นเช่นเดียวกับไวโอลินและเชลโล เชลโลนั้นมีขนาดใหญ่มากถึง 4 ฟุตเลยทีเดียว และเนื่องด้วยขนาดที่ใหญ่มากผู้เล่นจึงไม่สามารถยกเชลโลขึ้นมาไว้บนบ่าเหมือนกับการเล่นไวโอลินหรือวิโอลาได้ ดังนั้นการเล่นเชลโลจึงจะเล่นในแนวตั้ง ซึ่งผู้เล่นจะนั่งเก้าอี้และเอาเชลโลวางไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง คอของเชลโลจะพักบนไหล่ของผู้เล่น ด้านล่างของเชลโลจะมีเหล็กแหลมเพื่อยึดกับพื้นไม่ให้ลื่นไถล

เชลโลนั้นให้เสียงเหมือนกับระดับเสียงของคน เชลโลจะมีเรนจ์ของเสียงที่กว้างมากที่สุดในเครื่องดนตรี (ไม่นับรวมเปียโน) เสียงต่ำสุดจะอยู่ที่ C ตำแหน่ง 2 octave ต่ำกว่า middle C สายบนสุดคือสาย A นั้น ให้เสียงสูงในระดับเทเนอร์ แต่เนื่องจากเราสามารถเล่นในตำแหน่งที่สูงมากๆบนฟิงเกอร์บอร์ดได้ ดังนั้นเชลโลจึงสามารถให้เสียงสูงได้เท่ากับโซปราโนหรือเท่ากับเสียงไวโอลินได้เลยทีเดียว และเนื่องจากเชลโลนั้นมีเสียงที่กว้างมาก ดังนั้นการบันทึกโน้ตให้เชลโลนั้นจึงใช้ทั้งกุญแจฟา กุญแจเทเนอร์ และกุญแจซอล

ในวงออร์เคสตรานั้นจะมีนักดนตรีที่เล่นเชลโลอยู่ประมาณ 6-10 คน บทบาทของเชลโลนั้นก็จะเล่นทั้งแนวทำนองและแนวประสาน

4. เครื่องสายประเภทดับเบิลเบส (Double Bass)

ดับเบิลเบสนั้นเป็นเครื่องดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในตระกูลเครื่องสายเลยทีเดียว มันมีขนาดใหญ่ถึง 6 ฟุตเลยทีเดียว และเนื่องจากขนาดที่ใหญ่ เราจึงต้องเล่นเครื่องดนตรีในแนวตั้ง โดยในดนตรีคลาสสิค ผู้เล่นจะต้องนั่งบนเก้าอี้สูง ส่วนในดนตรีแจ๊สนั้นผู้เล่นจะยืนเล่น

การเล่นนั้นก็จะมีทั้งการเล่นโดยใช้คันชัก หรือการใช้นิ้วดีดสาย ขึ้นอยู่กับประเภทของเพลงที่เล่น ดับเบิลเบสนั้นเป็นที่นิยมเนื่องจากเสียงที่มีลักษณะเฉพาะและสามารถให้จังหวะได้คล้ายกับเครื่องกระทบด้วยค่ะ

ระดับเสียงของดับเบิลเบสจะมีเสียงที่ต่ำที่สุดในบรรดาเครื่องสาย ซึ่งระดับเสียงอยู่ระหว่าง B0 – G4 นักดนตรีที่เล่นดับเบิลเบสควรมีแขนที่ยาวเพื่อที่จะได้เอื้อมกดสายได้ถึงทุกตำแหน่ง ดังนั้นถ้าเพื่อนๆที่ตัวเล็กอาจจะเล่นเป็นเครื่องดนตรีเชลโลแทนจะเหมาะกว่าค่ะ

และเนื่องจากเสียงและโทนเสียงที่โดดเด่นของดับเบิลเบส นอกจากเราจะใช้ดับเบิลเบสในการเล่นเพลงคลาสสิคแล้ว ในดนตรีแจ๊ส ดับเบิลเบสยังเป็นเครื่องดนตรีพื้นฐานที่สำคัญของวงอีกด้วย นอกจากนี้ดับเบิลเบสยังได้รับความนิยมในดนตรีสมัยใหม่ (Pop Music) อีกด้วย คลิ๊กอ่านบทความ แนวเพลงที่สำคัญมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้เข้าใจแนวเพลงต่างๆมากขึ้นค่ะ

ส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นการใช้คันชักในการเล่นดับเบิลเบสในดนตรีคลาสสิค ดับเบิลเบสนั้นจะเล่นทั้งแนวทำนองและแนวประสาน ส่วนในการเล่นแจ๊สนั้นจะใช้เทคนิคที่หลากหลาย เช่นการใช้นิ้วดึงสายค่ะ

ในวงออร์เคสตราจะมีผู้เล่นดับเบิลเบสประมาณ 6 คน ส่วนใหญ่แล้วในดนตรีคลาสสิคจะไม่นิยมเล่นดับเบิลเบสเป็นโซโล แต่ในดนตรีแจ๊สนั้นท่อนโชว์โซโลดับเบิลเบสถือเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมมากๆ เลยค่ะ

ตัวอย่าง String Orchestra

เพื่อนๆคงได้ความรู้ไปพอสมควร ต่อไปถ้าเพื่อนๆเห็นเครื่องดนตรีที่หน้าตาเหมือนไวโอลินแต่มีขนาดใหญ่กว่า ก็อย่าเรียกว่าไวโอลินตัวใหญ่อีกนะคะ พบกันใหญ่กับบทความฉบับหน้าค่ะ


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *