แนวเพลงที่สำคัญมีอะไรบ้าง- รู้ไว้จะได้ไม่เชย

เนื่องจากสไตล์เพลงนั้นมีมากมาย ครูเชื่อว่าหลายๆคนคงสงสัยว่าเพลงแต่ละสไตล์นั้นเรียกว่าแนวอะไร วันนี้ครูจะมาลิสต์แนวเพลงที่สำคัญให้เพื่อนๆได้รู้จักกัน ว่ามีอะไรบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ

แนวเพลงที่สำคัญมีทั้งหมด 9 แนวได้แก่ 1. ป๊อบ (Pop) 2. เคป๊อบ (K POP) 3. ฮิปฮ็อป (Hip Hop) 4. บลูส์ (Blues) 5. แจ๊ส (Jazz) 6. อาร์แอนด์บี (R&B) 7. ร็อคแอนด์โรล (Rock ‘n’ Roll) 8.โซล (Soul) 9.คลาสสิค

วันนี้ครูจะหยิบยกเฉพาะลักษณะสำคัญของแต่ละแนวเพลงเพื่อให้เพื่อนๆได้เข้าใจคอนเซ็ปท์คร่าวๆกันนะคะ บางแนวเพลงจะต้องอาศัยทฤษฎีดนตรีชั้นสูงในการประพันธ์ บางแนวเพลงก็แต่งมาจากฟีลลิ่งล้วนๆเลย

เพื่อนๆคนไหนที่เล่นดนตรีแล้วยังอ่านโน้ตให้คล่อง หรือเพื่อนๆคนไหนสนใจเรียนทฤษฎีดนตรี แนะนำ คอร์สเรียนการอ่านโน้ตฉบับสมบูรณ์ เรียนจบแล้วรับรองว่าอ่านโน้ตได้คล่องแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแน่ๆค่ะ นอกเรื่องไปหน่อยค่ะ เอาล่ะเราไปดูกันดีกว่าว่าเพลงแต่ละแนวจะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง

แนวเพลงป๊อบ (Pop)

คำว่า “ป๊อบ” (Pop) นั้นมาจากคำภาษาอังกฤษว่า Popular ซึ่งแปลว่าเป็นที่นิยม เพลงป๊อบก็คือเพลงทีฺ่ฮิตติดหู เป็นเพลงที่เราฟังกันอยู่ในปัจจุบันนั่นแหละค่ะ เพลงของ Adele, Sam Smith ก็จัดอยู่ในประเภทของเพลงป๊อบโดยทั้งสิ้น เพลงป๊อบจะมีการเล่นทำนองและร้อง โดยส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องความรัก มีทั้งแบบช้าและเร็ว ทำนองจะไม่ซับซ้อน โดยส่วนใหญ่จะมีท่อน verse ฺBridge และท่อนฮุก

เพลงป๊อบสามารถเป็นการร้องเดี่ยวหรือเป็นวงดนตรีก็ได้ เครื่องดนตรีที่นิยมก็จะเป็น กีตาร์ไฟฟ้า เบส กลอง อาจจะมีคีย์บอร์ดในบางครั้ง และก็จะต้องมีนักร้องเสมอ การแสดงก็จะมีตั้งแต่คอนเสิร์ตฮอลล์ใหญ่ๆไปจนถึงบาร์และร้านอาหาร

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเล่นเปียโนป๊อบ ครูมีคอร์สสอนเปียโนที่จะทำให้เพื่อนๆสามารถเล่นเปียโนได้ภายใน 10 วัน ซึ่งจะเหมาะกับเพื่อนๆจะไม่เคยเล่นเปียโนมาก่อนหรือเพื่อนๆที่เคยเรียนเปียโนมาบ้างแล้วแต่ไม่เคยเล่นเพลงป๊อบจากการอ่านคอร์ด ในคอร์สนี้จะเน้นการเล่นเพลงป๊อบและการนำความรู้ที่เรียนไปเล่นกับเพลงป๊อบเพลงอื่นๆ เรียนคอร์สเดียวจะสามารถเล่นเพลงได้เป็นพันๆเพลง หากสนใจสามารถคลิกดูรายละเอียดคอร์สได้ ที่นี่ ค่ะ

แนวเพลงเคป๊อบ (K Pop)

K Pop ตัว” K ” ย่อมาจากคำว่า Korean ซึ่งแปลว่าเกาหลี พูดง่ายๆก็คือแนวเพลงนี้คือเพลงป๊อบที่มาจากประเทศเกาหลีค่ะ เพลงเคป๊อบเพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นานแต่เป็นแนวเพลงที่ฮิตมากในขณะนี้ แนวเพลงนี้จะมีทั้งนักร้องเดี่ยวและแบบเป็นวงเช่น วง BTS , Blackpink และอีกมากมาย ซึ่งเพลงแนวนี้ไม่ได้แค่โด่งดังเฉพาะในแถบเอเชียเท่านั้นแต่โด่งดังไปทั่วโลกเลยทีเดียว

เครื่องดนตรีที่เล่นในวง K Pop ก็จะเหมือนกับเพลงป๊อบทั่วๆไป สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของ K Pop มากๆเลยก็คือหลายๆครั้งจำนวนสมาชิกในวงนั้นมีมากเป็นสิบๆคนเลยทีเดียว วง K Pop นั้นจะเน้นการเต้นที่โดดเด่นและมีความน่ารักคิกขุแบบชาวเอเชีย จึงทำชาวตะวันตกหันมาสนใจและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง หากเพื่อนๆสนใจอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ K pop คลิกได้ ที่นี่ ค่ะ

แนวเพลงฮิปฮอป (Hip Hop)

นักดนตรีฮิปฮอปที่ดังๆของไทยของอย่างเช่น โจอี้บอย ไทเทเนี่ยม นักดนตรีฝรั่งเช่น เอมิเนม (Eminem) สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของดนตรีฮิปฮอปก็คือจะเป็นเพลงแร๊พ ส่วนใหญ่จะพูดถึงเรื่องราวของคนเมืองซึ่งจะต่างกับ Country music หรือเพลงลูกทุ่งที่จะพูดถึงชีวิตในท้องทุ่งต่างจังหวัด เนื่องจากเพลงสไตล์ฮิปฮอปจะมีการใช้ดนตรีอิเล็กโทรนิคค่อนข้างเยอะดังนั้นการแสดงดนตรีส่วนใหญ่จะไม่ได้เล่นดนตรีสดแต่จะเป็นการเปิดแผ่นโดยดีเจแต่นักร้องจะร้องสด

พูดถึงดนตรีฮิปฮอปนั้นก็จะพูดเฉพาะแค่เรื่องดนตรีอย่างเดียวไม่ได้เพราะคำว่าฮิปฮอปนั้นลามไปถึงเรื่องของวัฒนธรรมการแต่งตัวและศิลปะภาพวาดบนกำแพงด้วย

แนวเพลงบลูส์ (Blues)

แนวเพลงนี้สิ่งที่โดดเด่นที่เมื่อผู้ฟังได้ยินและสามารถบอกได้ทันทีว่าเป็นสไตล์ดนตรีบลูส์คือ สเกลบลูส์ ซึ่งสร้างมาจากเพนทาโทนิคสเกลแต่เพิ่มโน้ตที่เพี้ยนจากบันไดเสียงไป 1 ตัว ยกตัวอย่างในคีย์ C Major ก็จะมีโน้ต C D Eb E G A แนวเพลงบลูส์นั้นเป็นต้นกำเนิดให้กับแนวแจ๊ส อาร์แอนด์บี ร๊อคแอนด์โรลด์และอีกหลายๆแนว

แนวเพลงบลูส์เป็นการผสมผสานระหว่างดนตรีแอฟริกันและดนตรีตะวันตก เนื้อหาจะเกี่ยวกับความเจ็บปวดแร้นแค้น ความทุกข์ทรมานของชีวิต เนื้อเพลงและสำเนียงของบลูส์จึงแฝงความเจ็บปวด เครื่องดนตรีก็จะมี กีตาร์ เบส เปียโน ฮาร์โมนิกา กลอง แซกโซโฟน ทรัมเป็ต ทรอมโบน นักร้อง

นักดนตรีแนวบลูส์ที่สำคัญได้แก่ BB King จริงๆแล้วนักกีตาร์คนดังอย่าง Eric Clapton ก็เป็นนักกีตาร์ที่เล่นสไตล์บลูส์เหมือนกันถึงแม้ว่าเพลงของเขาจะไม่ได้มีความเด่นชัดในสไตล์บลูส์แต่ก็มีกลิ่นอายของเพลงสไตล์นี้อยู่เสมอๆ นอกจากนี้ก็มี Muddy Waters, Howlin Wolf, Steve Ray Vaughan

เพื่อนๆนักกีตาร์หรือใครที่อยากเริ่มเล่นกีตาร์ สามารถคลิกอ่านบทความ 7 วิธีเลือกซื้อกีตาร์อะคุสติกให้คุ้มค่าเงินที่สุด หรือ ใครที่มีงบน้อยอย่าพลาดอ่าน กีตาร์ยอดนิยมราคาไม่เกิน 5000 บาท

แนวเพลงแจ๊ส (Jazz)

ดนตรีแนวแจ๊สเป็นการผสมผสานระหว่างเพลงบลูส์ ( มีการนำสเกลและจังหวะของบลูส์มาใช้) บวกกับแนวคลาสสิค(นำเรื่องฮาร์โมนีมาใช้) ซึ่งจะมีการด้นทำนองสด (Improvisation) และมีการใช้คอร์ดที่ซับซ้อน (Tension Chords)อย่างเช่น คอร์ด 9, 11, 13

นักดนตรีแจ๊สที่โด่งดังที่สุดคือ นักทรัมเป็ตชื่อ Louis Armstrong เป็นคนช่วยพัฒนาสไตล์ดนตรีแจ๊ส เค้าได้พัฒนาการ Improvisation ร่วมกับ Joe “King” Oliver ที่ชิคาโก้ จากนั้นก็เขาก็ย้ายไปอยู่ที่นิวยอร์ก และตอนนั้นเอง “แจ๊สสวิง” ก็ถือกำเนิดขึ้นในนิวยอร์ก

ดนตรีแนวสวิงในช่วงแรก เล่นด้วยวงออร์เคสตร้า ร่วมกับ ดรัม ดับเบิ้ลเบสและกีตาร์ เครื่องลมทองเหลือง เครื่องลมไม้ เครื่องสาย เปียโน และนักร้อง หากเพื่อนๆคนใจจินตนาการเครื่องดนตรีแต่ละประเภทไม่ออก สามารถดูได้ที่ ประเภทของเครื่องดนตรีสากล

ดนตรีแนวสวิงได้รับความนิยมมากเพราะเหมาะกับการเต้นรำ หลังจากนั้นไม่นานนักดนตรีส่วนใหญ่ก็พยายามหาทางออกเพราะเข้าไม่ถึงวงออร์เคสตร้า พวกเขาเลยเริ่มทำดนตรีแนวใหม่ที่เป็นการรวมกลุ่มเล็กๆขึ้นมา เรียกสไตล์นี้ว่า Bebop และ modal jazz ซึ่งเกิดช่วงปี 1950 แต่สไตล์นี้ไม่เหมาะกับการเต้นจึงไม่ดังเท่ากับสไตล์เก่า แต่นักดนตรีแจ๊สเค้าบอกว่าเค้าเน้นคนฟังประเภทที่จริงจังไม่ใช่แค่ฟังสนุกๆ พวกนักดนตรีแจ๊สกลุ่มใหม่นี้คิดว่า “ดนตรีแจ๊สสมัยใหม่นั้นเป็นศิลปะทางดนตรีมากกว่าดนตรีเพื่อความนิยม”

ปัจจุบันเครื่องดนตรีที่ใช้ในดนตรีแจ๊สได้แก่ กลุ่มเครื่องลมไม้ กลุ่มเครื่องทองเหลือง เปียโน กีตาร์ไฟฟ้า เบส กลอง ดนตรีแจ๊สมีตั้งแต่เล่นตามร้านอาหาร โรงแรม ผับ บาร์ไปจนถึงคอนเสิร์ตฮอลล์

นักดนตรีแจ๊สที่สำคัญได้แก่ Charlie Parker, Thelonious Monk, John Coltrane, Miles Davis, Charles Mingus

แนวเพลงอาร์แอนด์บี ( R&B)

เป็นดนตรีที่เกิดจากชาวแอฟริกันอเมริกันที่อาศัยอยู่ในประเทศอเมริกา หลังจากมีการเลิกทาส ชาวแอฟริกัน-อเมริกันส่วนใหญ่ประกอบอาชีพนักดนตรีซึ่งเล่นตามผับ บาร์ พวกเขาต้องพัฒนาการเล่นดนตรีให้เข้ากับยุคสมัย ในขณะนั้นดนตรีบลูส์จัดว่าเป็นดนตรีที่เชย จึงได้พยายามปรับเปลี่ยนสไตล์ดนตรีบลูส์ให้ผสมผสานกับจังหวะแบบอื่นๆกลายเป็นสไตล์ใหม่ที่เรียกว่า อาร์แอนด์บี (R&B)

ลักษณะของดนตรีจะมีความดังและสดใสเหมาะแก่การเต้นรำซึ่งต่างจากดนตรีบลูส์ที่หนักหน่วง เศร้า โหยหวน โดยเครื่องดนตรีที่ใช้จะเป็น กลอง ดับเบิ้ลเบส กีตาร์ไฟฟ้า และนักร้องจะเป็นชายหรือหญิงก็ได้ที่มีเสียงใหญ่ๆ ในปี 1940 มีการขายแผ่นเสียงสไตล์นี้เกิดขึ้นทำให้ดนตรีแนวอาร์แอนด์บีโด่งดังมากขึ้นไปอีก นักดนตรีที่สำคัญได้แก่ T-Bone Walker, Louis Jordan

ปัจจุบันคำจำกัดความของดนตรีสไตล์อาร์แอนด์บีจะไม่ได้เป็นแบบดั้งเดิมอีกต่อไป แต่เป็นแนวเพลงที่บรรยายเกี่ยวกับความรัก ความโรแมนติก เป็นแนวเพลงช้าๆแบบบัลลาดค่ะ

แนวเพลงร็อคแอนด์โรลด์ (Rock and Roll)

ร็อคแอนด์โรลด์เป็นดนตรีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากดนตรีบลูส์ ซึ่งเป็นแนวดนตรีที่ใหญ่มากเลยทีเดียว วันนี้เราจะมาดูลักษณะสำคัญของเพลงร๊อคสัก 2-3 อย่าง อย่างที่ 1 คือเครื่องดนตรีที่ใช้ในดนตรีร๊อคได้แก่ นักร้อง กีตาร์ เบสและกลอง ในดนตรีร๊อคนั้น จังหวะจะมีความตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนแต่ให้ความหนักแน่น กีตาร์ถือเป็นพระเอกของเพลงร็อคมากกว่าสไตล์อื่นๆ กีตาร์ไฟฟ้าทำให้เพลงมีความรุนแรงและให้ความรู้สึกที่หนักหน่วง นอกจากนี้ดนตรีร็อคยังให้ความรู้สึกถึงการเป็นกบฏ ลุคของนักดนตรีนั้นค่อนข้างสุดโต่งและความคิดก็สุดโต่งเช่นกัน ตัวอย่างของวงดนตรีร็อคนั้นมีตั้งแต่ Elvis Presley และ Led Zeplin ไปจนถึง Linkin Park , Slipknot และ Metallica เพื่อนๆที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าอย่าลืมคลิกอ่าน 7 สายกีตาร์ไฟฟ้ายี่ห้อที่ดีที่สุด จะได้มีสายกีตาร์ดีๆใช้กันค่ะ

แนวเพลงโซล (Soul)

ดนตรีโซล (Soul) มีรากฐานมาจากเพลงกอสเปล (gospel) ซึ่งเป็นเพลงในโบสถ์ของชาวคริสเตียน ดนตรีกอสเปลนั้นจะมีลักษณะเฉพาะตรงที่แนวร้องจะเข้มข้นและมีการร้องสลับกันไปมาเหมือนการตั้งคำถามและคำตอบ

ดนตรีโซลนั้นนอกจากแนวร้องจะเข้มข้นแล้วยังให้ความสำคัญกับกับจังหวะจะโคนของเพลงและมักจะใช้ฮอร์นเป็นตัวชูโรง โซลอาจจะไม่ได้เป็นแนวเพลงที่ใหญ่นักแต่มีนักดนตรีสำคัญๆอย่าง John Legend, Alicia Key, Beyonce และยังมีนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอีกหลายๆคนที่นำเอากลิ่นอายของแนวดนตรีโซลมาเป็นส่วนหนึ่งของเพลง ยิ่งไปกว่านั้นนักดนตรีที่กล่าวมาข้างต้นยังบอกว่าพวกเขาเติบโตมากับดนตรีแนวโซลซึ่งเป็นสิ่งที่นำให้พวกเขาเข้ามาสู่วงการดนตรีและโด่งดังถึงทุกวันนี้

ใครอยากเล่นเปียโนสไตล์ John Legend คลิก ที่นี่ เลยค่ะ

แนวเพลงคลาสสิค (Classical)

ดนตรีคลาสสิคนั้นสามารถบรรยายลักษณะได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆดังนี้ เครื่องดนตรี สไตล์การแสดงและเรื่องของระเบียบแบบแผน เครื่องดนตรีที่ใช้ในแนวคลาสสิคนั้นมีกลุ่มเครื่องสาย เช่นไวโอลิน เชลโล เครื่องเป่าลมไม้ เช่น แซกโซโฟน ฟลู้ท เครื่องเป่าลมทองเหลือง เช่น ทรัมเป็ต ทรอมโบน เครื่องกระทบ เช่น กลอง เครื่องคีย์บอร์ด เช่นเปียโน และนักร้อง เพลงในดนตรีคลาสสิคนั้นจะมีตั้งแต่การโซโลหรือเรียกว่าการแสดงเดี่ยวไปจนถึงวงดนตรีขนาดใหญ่อย่างออร์เคสตร้าและวงประสานเสียง เพื่อนๆสามารถอ่านบทความ เครื่องดนตรีมีกี่ประเภท จะได้มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องดนตรีที่ใช้ในดนตรีคลาสสิคมากขึ้นค่ะ

การแสดงดนตรีแนวคลาสสิคส่วนใหญ่จะแสดงในคอนเสิร์ตฮอลล์ที่ผู้ฟังจะนั่งฟังเงียบกริบ ผู้ฟังไม่ได้มีส่วนร่วมเหมือนกับในดนตรีที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น การขาดส่วนร่วมจากผู้ฟังดูเหมือนจะทำให้ดนตรีคลาสสิคนั้นดูน่าอึดอัดกว่าที่ควรจะเป็น ดนตรีคลาสสิคนั้นจัดว่าเป็นดนตรีที่มีการวางรูปแบบที่ซับซ้อน ผู้ประพันธ์เพลงบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างลงบนกระดาษทั้งทำนองและจังหวะรวมถึงการกำกับความรู้สึกแบบทุกเม็ดเลยทีเดียว นักดนตรีแทบจะไม่เล่นออกนอกกรอบจากที่ผู้ประพันธ์กำหนดไว้เลย ซึ่งทำให้ดนตรีคลาสสิคนั้นมีระเบียบแบบแผนซึ่งแทบจะไม่สามารถปรับเปลี่ยนหรือดัดแปลงได้เลย

นักประพันธ์ที่สำคัญสำหรับดนตรีคลาสสิค ได้แก่ โมสาร์ท บีโธเฟน โชแปง วากเนอร์และอีกหลายๆท่าน เพื่อนๆสามารถอ่านบทความ ประวัติและผลงานของโมสาร์ท และ 10 บทเพลงที่ดังที่สุดของบีโธเฟน จะได้เข้าใจลักษณะของดนตรีคลาสสิคมากขึ้นค่ะ

เพื่อนๆที่สนใจดนตรีแนวคลาสสิคพื้นฐานการอ่านโน้ตนั้นสำคัญมาก ลองเช็คคอร์สเรียน การอ่านโน้ตฉบับสมบูรณ์ ดูได้ค่ะ ในคอร์สจะสอนอ่านทั้งกุญแจซอลและกุญแจฟา หากเรียนจบคอร์สแล้วรับรองว่าอ่านโน้ตได้คล่องแน่ๆค่ะ

เอาล่ะค่ะนี่ก็เป็นแนวดนตรีสำคัญๆที่ครูเลือกมาให้ได้รู้จักกัน ยังมีดนตรีอีกหลายๆแนวที่ไม่ได้พูดถึงในบทความนี้ นักดนตรีแต่ละคนอาจจะจัดแนวดนตรีที่สำคัญแตกต่างออกไปจากนี้ ถ้าแนวเพลงประเภทไหนที่ไม่ได้ระบุไว้ในนี้ก็คงต้องไปตามอ่านกันตามความสนใจของแต่ละคนค่ะ

สำหรับวันนี้ก็หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับความรู้ไปมากพอสมควรกับแนวเพลงที่ครูเลือกไว้ พบกันใหม่กับบทความฉบับหน้าค่ะ