เล่นเปียโนเพราะขึ้นทันทีถ้าทำสิ่งนี้

เพื่อนๆสามารถดูวีดีโอสำหรับบทความนี้ได้ในยูทูปตามลิงก์ด้านล่างค่ะ
📌 https://youtu.be/F-2aT9drnTs?si=BS5KXo-xEkDQxpOH

การเล่นเปียโนให้ไพเราะและมีเสน่ห์

สวัสดีค่ะครูลีลาจาก The Music Thailand นะคะ วันนี้เราจะมาพูดถึงเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้การเล่นเปียโนของคุณมีเสน่ห์มากขึ้น ฟังแล้วหวานจับใจ เทคนิคนี้ง่ายมาก ๆ และสามารถนำไปใช้ได้ทันทีค่ะ นั่นคือ การเลียนแบบการพูดและการร้องเพลง


ทำไมการเลียนแบบการพูดถึงช่วยให้เล่นเปียโนได้เพราะขึ้น?

ลองนึกภาพเวลาที่เราพูดคุยกันค่ะ ถ้าพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบและไม่มีอารมณ์ เช่น “วันนี้กินข้าวกับอะไร” ในโทนเสียงเดียวกัน มันจะฟังดูเหมือนหุ่นยนต์ใช่ไหมคะ? แต่ถ้าเราพูดว่า “วันนี้กินข้าวกับอะไร~” ด้วยน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติ มันจะฟังดูมีเสน่ห์ขึ้นมาก การเล่นเปียโนก็เช่นกันค่ะ ถ้าเรากดคีย์ทุกตัวด้วยน้ำหนักที่เท่ากันหมด เพลงจะฟังดูแข็งกระด้าง แต่ถ้าเราใช้ dynamics (ความดังเบา) และ phrasing (การแบ่งประโยคดนตรี) ให้เหมือนกับการพูด มันจะทำให้เสียงเปียโนของเรามีชีวิตชีวาขึ้น


ตัวอย่างจากเพลง When the Party’s Over – Billie Eilish

เพลงนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำ phrasing ใช้ dynamics ในการร้อง Billie Eilish ใช้เทคนิคที่เรียกว่า crescendo-decrescendo คือการเริ่มจากเสียงเบา ค่อย ๆ ดังขึ้น และจบลงด้วยเสียงที่เบาอีกครั้ง ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่เราควรใช้ในการเล่นเปียโน

📌 ลองสังเกต:

  • ประโยคของแต่ละท่อนเพลงเริ่มต้นด้วยเสียงเบา
  • กลางประโยคเสียงจะดังขึ้นเล็กน้อย
  • จบลงด้วยเสียงที่เบาและนุ่ม

เมื่อเราเล่นเปียโน เราสามารถเลียนแบบไดนามิกส์เหล่านี้ได้ ทำให้เพลงฟังดูมีมิติและมีอารมณ์มากขึ้น


จากรูปด้านบนเป็นตัวอย่างของประโยคแรกของเพลง ที่เริ่มจากเสียงเบาแล้วค่อยๆดังขึ้นไปหาเสียงดังจากนั้นจะค่อยๆเบาลง เราเรียกการทำลักษณะนี้ว่า phrasing ซึ่งมีความสำคัญในการเล่นดนตรีทุกประเภท หากเราไม่คำนึงถึงเรื่อง phrasing เพลงที่เราเล่นออกมาจะฟังไม่เพราะเนื่องจากขาดมิติในการเล่น

นอกจากเราจะพยายามทำ phrasing ในแต่ละประโยคแล้ว เราจะต้องคำนึงถึงภาพรวมของเพลงด้วย อย่างในเพลงนี้ 4 ประโยคแรกนั้นจะมีความดังเบาไม่เท่ากัน ประโยคที่ 1 จะเบาที่สุดและก็จะค่อยๆดังขั้นในประโยคที่ 2 และ 3 ในประโยคที่ 4 จะมีความดังที่สุดทั้งนี้เพื่อที่จะนำไปสู่จุดเปลี่ยนของเพลงเช่น Bridge (ท่อนนำก่อน chorus)หรือบางครั้งอาจจะเป็นท่อนที่จะส่งไปหาท่อน chorus ก็ได้ ดังนั้นทั้ง 4 ประโยคนี้จึงต้องค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆเพิ่มอารมณ์ของเพลงให้เข้มข้นขึ้นเพื่อส่งไปหาท่อน Bridge หรือ Chorus

เราไม่จำเป็นต้องทำตาม pattern นี้ ผู้เล่นสามารถตีความเพลงให้แตกต่างออกไปจากนี้ได้ อาจจะสลับจากการเล่นที่ค่อยๆดังขึ้นในแต่ละประโยคไปเป็นค่อยๆเบาลงก็ได้

ตัวอย่างของความดังเบาในแต่ละประโยคของเพลงนี้

ตัวอย่างจากเพลง Salut d’Amour – Edward Elgar

อีกตัวอย่างที่ครูอยากยกมาให้ดูคือเพลง Salut d’Amour เป็นเพลงคลาสสิกที่มีเสน่ห์และไพเราะมาก เทคนิคสำคัญที่ใช้ในเพลงนี้คือ การควบคุมเสียงดัง-เบา ในแต่ละประโยคได้ชัดเจนมากๆ และนอกจากนี้เพลงนี้ยังมีการเล่นกับเรื่องของจังหวะอีกด้วย ทั้งมีการเร่ง และการดึงจังหวะ ซึ่งช่วยให้เพลงมีอารมณ์และความรู้สึกโรแมนติก

🎼 ตัวอย่างโน้ตดนตรี

จากตัวอย่างเพลงนี้ เพื่อนๆจะเห็นว่าโน้ตเพลงนี้จะมีท่อนสำหรับไวโอลินและเปียโน วันนี้เราจะมาดูกันที่ท่อนเปียโนซึ่งครูได้โยงเส้นสีเหลืองเอาไว้ ในเพลงคลาสสิคส่วนใหญ่จะแบ่งประโยคเพลงค่อนข้างชัดเจน ส่วนมากจะแบ่งที่ 4 ห้อง ซึ่งในโน้ตครูจะเขียนประโยคที่ 1 และ 2 ครูเขียนว่า phrase 1 และ 2

เพื่อนๆจะเห็นว่าในโน้ตนั้นมีการแสดง dynamic (ความดังเบาเอาไว้ด้วย) ซึ่งเป็นการใช้เครื่องหมาย crescendo (ค่อยๆดังขึ้น) และ decrescendo (ค่อยๆเบาลง) ซึ่งตรงกับที่ครูสอนเอาไว้ว่าในการทำ phrasing นั้นส่วนใหญ่เราจะเริ่มเพลงด้วยเสียงเบาจากนั้นก็ค่อยๆดังขึ้นและค่อยๆเบาลงในตอนจบ

ยังมีอีกหลายวิธีในการทำ phrasing แต่วันนี้ครูเลือกที่จะสอนวิธีที่เป็นที่นิยมที่สุดและสามารถทำให้การเล่นของเราเพราะขึ้นได้ในทันที

📌 เคล็ดลับในการเล่นเพลงนี้ให้หวานจับใจ:

  • ใช้ rubato หรือการดึงจังหวะเล็กน้อยในบางช่วงของเพลง เพื่อเพิ่มความรู้สึกมากขึ้น
  • ควบคุม dynamics ให้เริ่มต้นเบา ค่อย ๆ ดังขึ้น แล้วจบด้วยเสียงที่นุ่มนวล
  • คิดว่าเปียโนเป็นเสียงร้องของเรา แล้วพยายามเลียนแบบวิธีการร้องเพลงผ่านนิ้วของเรา

สรุป

✅ การเล่นเปียโนให้ไพเราะไม่ได้อยู่ที่การเล่นเร็วหรือซับซ้อน ไม่ว่าจะมีเทคนิคในการเล่นที่ดีแค่ไหนก็ตามหากเล่นแล้วขาดอารมณ์ความรู้สึก เราก็จะไม่จัดว่าเป็นการเล่นเปียโนที่ดี การเล่นเปียโนที่ดีนั้นอยู่ที่ การควบคุมเสียงดัง-เบา และ การสร้างประโยคดนตรีที่เป็นธรรมชาติ เหมือนการพูดและการร้องเพลง และสัมผัสจากนิ้วของเราในลักษณะต่างๆที่ทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะ นั่นต่างหากที่เป็นตัววัดการเล่นเปียโนที่ไพเราะ ยิ่งเราแสดงอารมณ์ได้มากเท่าไหร่ เพลงของเราก็จะไพเราะมากขึ้นเท่านั้น
✅ ลองสังเกตการใช้เสียงของนักร้อง เช่น Billie Eilish แล้วนำมาปรับใช้กับการเล่นเปียโน
✅ ในเพลงคลาสสิก เช่น Salut d’Amour การดึงจังหวะและการควบคุม dynamics จะช่วยให้เพลงฟังดูมีเสน่ห์มากขึ้น

ถ้าคุณชอบคอนเทนต์นี้ ฝากกดไลก์และติดตามช่อง The Music Thailand เพื่อรับชมเทคนิคดี ๆ ในการเล่นเปียโนทุกสัปดาห์นะคะ! 😊