คู่มือการเลือกซื้อเปียโน – เลือกเปียโนของใหม่อย่างไรดี

หากเพื่อนๆเข้ามาอ่านบทความนี้ ครูขอแสดงความยินดีด้วยนะคะที่เพื่อนๆกำลังจะมีเปียโนดีๆเอาไว้ซ้อม เนื่องจากเปียโนนั้นมีราคาแพงมากๆ ดังนั้นก่อนเพื่อนๆจะตัดสินใจซื้อก็ควรจะศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน วันนี้ครูก็เลยจะมาแนะนำวิธีการเลือกซื้อเปียโนกันค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเล่นเปียโนป๊อบ ครูมีคอร์สสอนเปียโนที่จะทำให้เพื่อนๆสามารถเล่นเปียโนได้ภายใน 10 วัน โดยไม่ต้องมีพื้นฐาน ในคอร์สนี้จะสอนการเปลี่ยนคอร์ดให้เร็ว การเล่น 2 มือ การเล่นประกอบการร้อง การเล่นคอร์ดให้เข้ากับสไตลฺ์เพลง เรียนจบคอร์สแล้วเพื่อนๆจะสามารถเล่นเพลงได้เป็นพันๆเพลง หากสนใจสามารถคลิกดูรายละเอียดคอร์สได้ ที่นี่ ค่ะ


1. ดูงบประมาณในการซื้อเปียโน

สิ่งแรกที่เพื่อนๆจะต้องดูเลยคือ เพื่อนๆต้องดูว่าเรามีงบประมาณในการซื้อเปียโนอยู่ที่เท่าไหร่ หากเพื่อนๆมีงบหลักหมื่น ซึ่งต่ำกว่า 60,000 บาท ก็อาจจะต้องเซย์บายกับเปียโนอะคุสติกและดูเป็นเปียโนไฟฟ้าแทนค่ะ สามารถอ่านบทความ แนะนำเปียโน 10 รุ่นสำหรับผู้เริ่มต้น หากมีงบตั้งแต่ 60,000 – 100,000 บาทก็อาจจะเลือกดูเป็นเปียโนอะคุสติกมือ 2 แทน เพื่อนๆสามารถอ่านบทความ เลือกซื้อเปียโนอะคุสติกมือสองอย่างไรดี หากเพื่อนๆมีงบประมาณ 100,000 บาทขึ้นไปก็สามารถซื้อเปียโนอะคุสติกของใหม่ได้แล้วค่ะ

ครูแนะนำว่าหากเพื่อนๆมีงบประมาณ 90,000 – แสนต้นๆ เพื่อนๆอาจจะเลือกซื้อเป็นเปียโนมือสองรุ่นสูงๆก็จะดีกว่าเปียโนใหม่รุ่นต่ำๆค่ะ เพราะเปียโนรุ่นสูงๆนั้นจะให้เสียงและทัชชิงที่ดีกว่ารุ่นเล็กๆมากค่ะ

2. เลือกเปียโนโดยฟังจากเสียง

เนื่องจากส่วนประกอบของเปียโนอะคุสติกนั้นทำจากไม้ ดังนั้นเปียโนแต่ละตัวก็จะมีเสียงที่มีลักษณะเฉพาะของตัวมันเองแม้ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันก็ตาม เปียโนบางตัวจะมีเสียงนุ่มลึก สุขุม บางตัวจะมีเสียงแหลม สูง หรือบางตัวเสียงจะสดใส เพื่อนๆต้องดูว่าเราชอบเสียงแบบไหน ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามความชอบเลยนะคะ

แต่สิ่งหนึ่งที่เพื่อนๆต้องระวังคือ เปียโนบางตัวจะให้เสียงอับ เวลาเล่นเสียงดังเราจะไม่รู้สึกว่ามันดังเท่าที่ควร เปียโนแบบนี้ค่อนข้างขัดใจครูมากๆเพราะเวลาเล่นแล้วเราจะไม่ได้อรรถรถเท่าที่ควร ดังนั้นเพื่อนๆควรจะเลือกเปียโนที่สามารถให้ความแตกต่างระหว่างเสียงที่เบามากๆและดังมากๆได้ชัดเจนค่ะ

ในเรื่องเสียงของเปียโนนั้น ถ้าเพื่อนๆชอบเสียงหวานๆ เปียโนจากยุโรปจะให้เสียงที่หวานมากๆ ส่วนเปียโนของญี่ปุ่นจะให้เสียงที่เข้มแข็งกว่าและมีเสียงแหลมและหวานน้อยกว่าเปียโนจากยุโรปค่ะ

3. เลือกซื้อเปียโนโดยดูที่ทัชชิงของคีย์

การเลือกซื้อเปียโนอะคุสติก สิ่งสำคัญที่ทำให้แต่ละรุ่นนั้นมีความแตกต่างกันคือทัชชิง เปียโนที่ดีนั้นควรมีทัชชิงที่หนักพอสมควร หากเล่นแล้วให้ความรู้สึกเหมือนกับเล่นคีย์บอร์ด เปียโนตัวนั้นจัดว่ามีทัชชิงที่ไม่ดีค่ะ ทัชชิงที่ดีเวลาที่เรากดเราจะต้องรู้สึกว่าเราต้องใช้ความพยายามในการกดพอสมควร และหลังจากกดไปแล้วคีย์จะไม่สุดในทันทีแต่จะให้ความรู้สึกว่าเราสามารถกดต่อไปได้อีก และสิ่งสำคัญอีกอย่างเวลาเล่นจะต้องไม่รู้สึกว่าคีย์กลวง คีย์เปียโนจะต้องแน่น เวลากดจะรู้สึกมั่นคง แบบนี้ถึงจะจัดว่ามีทัชชิงที่ดีค่ะ

ในเรื่องของความสม่ำเสมอของคีย์ ตรงนี้คิดว่าไม่จำเป็นต้องเช็คเท่าไหร่เพราะเปียโนใหม่นั้นส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้วค่ะ

4. วัดขนาดของสถานที่ที่เราจะตั้งเปียโน

ก่อนเพื่อนๆจะตัดสินใจซื้อเปียโนสักหลังหนึ่งควรวัดขนาดของห้องที่เราจะเอาไปตั้งด้วยนะคะ เพื่อที่เปียโนจะได้มีขนาดเหมาะสมกับห้องที่เราจะนำไปวางค่ะ เวลาวัดเพื่อนๆอย่าลืมวัดขนาดเผื่อเก้าอี้เวลานั่งด้วยนะคะ เพราะบางคนอาจจะลืมวัดทำให้ไม่มีที่พอที่จะนั่งเล่นเปียโนอย่างถูกต้องค่ะ

5. เลือกขนาดของเปียโน

เปียโนอะคุสติกน้้นมี 2 ประเภทคือ แกรนด์เปียโนและอัพไรท์เปียโน แกรนด์เปียโนจะเป็นเปียโนแบบแนวนอน สายของเปียโนจะขึงในแนวนอน ส่วนอัพไรท์เปียโนจะเป็นเปียโนที่เป็นแนวตั้งและสายของเปียโนก็จะขึงในแนวตั้งเช่นกัน โดยแกรนด์เปียโนนั้นจะมีหลายขนาดตั้งแต่เบบี้แกรนด์เปียโนไปจนถึงคอนเสิร์ตแกรนด์เปียโน ซึ่งจะมีขนาดตั้งแต่ 5 ฟุตไปจนถึงขนาด 9 ฟุตค่ะ ส่วนอัพไรท์เปียโนแต่ละรุ่นก็จะมีขนาดต่างกันไม่มากค่ะ

ก่อนเพื่อนๆจะตัดสินใจซื้อเปียโน ให้ดูที่จุดประสงค์ของการเล่นก่อนนะคะ หากเพื่อนๆคนไหนต้องการเรียนเปียโนอย่างจริงจัง แบบว่าต้องการเรียนเป็นอาชีพ ถ้าเพื่อนๆมีงบประมาณพอสมควรก็ควรเลือกซื้อเป็นแกรนด์เปียโน โดยอาจดูเป็นสตูดิโอแกรนด์เปียโน ซึ่งมีขนาดประมาณ 6 ฟุตค่ะ หากมีงบจำกัดก็สามารถซื้อเป็นอัพไรท์เปียโนในรุ่นสูงๆ อย่างเปียโน Yamaha รุ่น U ขึ้นไปค่ะ ซึ่งเปียโน Yamaha รุ่น U3 นั้นจะมีคุณภาพใกล้เคียงกับเบบี้แกรนด์เปียโนค่ะ

การเรียนเปียโนอย่างจริงจังนั้นเราควรจะฝึกซ้อมกับแกรนด์เปียโน เนื่องจากเราจะสามารถพัฒนาเทคนิคได้ดีกว่าเปียโนแบบอัพไรท์ค่ะ สำหรับนักเรียนที่ต้องการเรียนเป็นงานอดิเรก เราสามารถซื้อเปียโนอัพไรท์ไว้ซ้อมได้ยาวๆโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนอีกในภายหลังค่ะ

6. ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับยี่ห้อเปียโนแต่ละแบรนด์ว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร

การเลือกซื้อเปียโนแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักนั้นก็เป็นเครื่องการันตีว่าเราจะได้เปียโนที่คุณภาพดีแน่นอน วันนี้ครูเลยจะมาแนะนำ10 แบรนด์เปียโนที่มีชื่อเสียงทั่วโลก ดังนี้ค่ะ

  1. Steinway & Sons – เปียโนจากสหรัฐอเมริกา
  2. Bechstein – เปียโนจากเยอรมัน
  3. Blüthner – เปียโนจากเยอรมัน
  4. Bösendorfer – เปียโนจากออสเตรีย
  5. Fazioli – เปียโนจากอิตาลี
  6. Grotrian-Steinweg – เปียโนจากเยอรมัน
  7. Sauter – เปียโนจากเยอรมัน
  8. Yamaha – เปียโนจากญี่ปุ่น
  9. Kawai – เปียโนจากญี่ปุ่น
  10. Steingraeber & Söhne – เปียโนจากเยอรมัน

นอกจาก 10 อันดับนี้ก็ยังมีเปียโนอีกหลายๆยี่ห้อที่ครูคิดว่าดีมากๆเลย เช่นเปียโน Mason & Hamlin, patrov, Balwind หรือหากเพื่อนๆต้องการเปียโนดีๆในงบประมาณที่จำกัดก็ลองดูเปียโนที่ผลิตจากญี่ปุ่นหรือยุโรปแต่ไม่ได้เป็นแบรนด์ดังๆก็ได้เช่นกันค่ะ

7. เลือกสีภายนอกของเปียโน

เปียโนนั้นก็จะมีสีดำ สีขาวและสีไม้ ซึ่งสีไม้นั้นจะมีโทนสีและสไตล์ที่หลากหลายมากๆ หากเพื่อนๆชอบแบบแนวโมเดิร์น สีดำหรือสีขาวก็จะเหมาะมากๆ แต่หากใครชอบความรู้สึกแบบคลาสสิค เปียโนไม้ก็มีสเน่ห์ทำให้บ้านดูอบอุ่นและมีมนต์ขลังดีค่ะ

ในเรื่องของการทำสีนั้น หากเพื่อนๆซื้อเปียโนไปแล้วเกิดรอยขีดข่วนที่จะต้องซ่อมสี สีดำและสีขาวจะซ่อมได้ง่ายกว่ามากๆค่ะ สีไม้จะทำสีค่อนข้างยากเนื่องจากมีหลายโทนหลายเฉดสีค่ะ

8. ดูเรื่องการรับประกันเปียโนและบริการหลังการขาย

ก่อนเพื่อนๆตัดสินใจซื้อเปียโนนั้นจะต้องถามเรื่องการรับประกันว่ามีระยะเวลารับประกันนานแค่ไหนและรับประกันในเรื่องอะไรบ้าง ควรคุยกันให้เข้าใจกับผู้ขายก่อนที่จะตัดสินใจซื้อค่ะ และเพื่อนๆควรซื้อเปียโนจากร้านที่ได้รับการแนะนำจากเพื่อนหรือร้านที่เปิดมายาวนาน เราจะได้แน่ใจว่าร้านนี้จะรับผิดชอบหากเกิดปัญหาขึ้นกับเปียโนและไม่เลิกกิจการก่อนหมดอายุการรับประกันเปียโนของเราค่ะ

9. ดูเรื่องการดูแลรักษาเปียโนและการซ่อมแซมเปียโน

เพื่อนๆควรจะถามกับทางร้านเกี่ยวกับการดูแลรักษาเปียโนให้คงสภาพดีไปนานๆค่ะ เช่นการดูแลรักษาสีภายนอก ควรถามว่าเราจะใช้น้ำยายี่ห้อไหนหรือใช้ผ้าแบบไหนในการทำความสะอาด หรือการจูนเสียงเปียโนว่าควรจะจูนกี่ครั้งต่อปี โดยปกติแล้วส่วนใหญ่จะจูนปีละ 1 ครั้งค่ะ นอกจากนี้ควรถามเกี่ยวกับช่างซ่อมเปียโนว่าที่ร้านมีช่างเป็นของตัวเองหรือไม่ หากไม่มีก็อาจจะสอบถามว่าทางร้านเปียโนสามารถแนะนำช่างคนไหนได้บ้างเผื่อไว้ในกรณีที่เปียโนของเราเกิดปัญหาหลังหมดการรับประกันค่ะ

10. สอบถามเกี่ยวกับโปรโมชันต่างๆของทางร้านขายเปียโน

เรื่องสุดท้ายค่ะ อย่าลืมสอบถามเกี่ยวกับโปรโมชันของทางร้านค่ะว่ามีของแถมหรือส่วนลดอะไรบ้าง บางร้านอาจจะมีการจูนฟรี 3 ครั้ง บางร้านอาจมีคอร์สเรียนเปียโนฟรีหรือส่วนลดอื่นค่ะ นอกจากนี้ร้านเปียโนหลายๆร้านยังมีระบบผ่อนจากบัตรเครดิตอีกด้วยค่ะ

หลังจากอ่านบทความนี้ ครูหวังว่าเพื่อนๆจะได้เปียโนที่ถูกใจในราคาที่เหมาะสมนะคะ ใครที่ได้เปียโนแล้วก็อย่าลืมอ่านบทความ เลือกครูสอนเปียโนอย่างไร มีเครื่องมือดีๆแล้วก็ควรมีครูสอนเปียโนดีๆด้วยค่ะ พบกันใหม่กับบทความฉบับหน้าค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่หัดเรียนเปียโนด้วยตัวเอง อย่าพลาดคอร์ส การอ่านโน้ตฉบับสมบูรณ์ ในคอร์สจะมีแบบฝึกหัดให้ทำทั้งแบบออนไลน์และดาวน์โหลดให้ฝึกมากกว่า 1000 ข้อ เรียนจบรับรองอ่านโน้ตได้คล่องแน่ๆค่ะ


Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *