อยากเป็นครูสอนดนตรีแต่ไม่ได้จบเอกดนตรีต้องทำอย่างไร

สำหรับใครที่กำลังเรียนดนตรีอยู่และมีทักษะในการเล่นดนตรีอยู่พอสมควร เพื่อนๆรู้หรือไม่คะว่าเราสามารถผันตัวเองมาเป็นครูสอนดนตรีได้เลย ซึ่งขั้นตอนที่เรามาเป็นครูสอนดนตรีนั้นก็ไม่ได้ง่ายแต่ก็ไม่ยากจนเกินไป เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะว่าเราจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

1. วางแผนเพื่อที่จะสอบวัดระดับทางด้านดนตรี

หากเพื่อนๆที่กำลังเรียนเปียโนหรือเรียนเครื่องดนตรีอื่นๆอยู่ ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ดีที่จะคุยกับครูเรื่องแผนการเรียนของเรา หากเราต้องการเป็นครูสอนดนตรีก็ควรจะมีการวางแผนกับครูผู้สอนเพื่อที่ครูจะได้เตรียมตัวให้เราอย่างถูกต้องค่ะ

นอกจากฝีมือแล้วใบประกาศนียบัตรก็สำคัญเช่นกัน หากเราไปสมัครสอนตามโรงเรียนดนตรี เราจะต้องมีวุฒิทางด้านดนตรีหรือประกาศนียบัตรที่สามารถโชว์ได้ว่าฝีมือการเล่นเปียโนของเราอยู่ในระดับไหน

สถาบันที่เพื่อนๆสามารถสอบวัดระดับทางด้านดนตรีก็จะมี สถาบัน Trinity College London , สถาบัน ABRSM (The Associated Board of the Royal Schools of Music) หรือสถาบัน Yamaha สำหรับสถาบัน Trinity และ Royal นักเรียนที่เรียนตามโรงเรียนดนตรี เรียนส่วนตัวกับครูหรือแม้แต่กระทั่งเรียนด้วยตัวเองก็สามารถสมัครสอบได้ ส่วนการสอบเกรดของสถาบัน Yamaha นั้นเพื่อนๆจะต้องเป็นนักเรียนของสถาบัน Yamaha เท่านั้นถึงจะสามารถสอบวัดระดับได้ค่ะ

เพื่อนๆควรจะสอบผ่านเกรด 8 ของสถาบัน Trinity หรือ royal ในการที่จะสมัครเป็นครูสอนเปียโน เกรดของสองสถาบันนี้จะไล่ตั้งแต่ง่ายไปยากจากเกรด 1-8 และก็จะมีการสอบเกรดแบบชั้นสูงต่อไปอีก ส่วนของ Yamaha เกรดของเขาจะเริ่มจาก 13 ไล่ลงมาจนถึงเกรด 1 หมายความว่าเกรด 13 ก็จะง่ายที่สุดค่ะ เกรดที่อยู่ในระดับที่สามารถเป็นครูสอนเปียโนของ Yamaha ได้ก็จะเป็นเกรด 5 ไล่ลงมาค่ะ

ในการสอบเกรดดนตรี เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องสอบทุกเกรดค่ะ เราสามารถสอบข้ามเกรดหรือรอสอบเกรดสูงๆ ทีเดียวเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายก็ได้ค่ะ และหากเราต้องการสอนเปียโน เราควรจะมีความรู้ในเรื่องของทฤษฎีดนตรีด้วย ดังนั้นก็ควรสอบเกรดของทฤษฎีดนตรีควบคู่กันไปกับการสอบปฏิบัติเครื่องดนตรีค่ะ หากเพื่อนๆคนไหนยังไม่แม่นเรื่องการอ่านโน้ต ลองเช็คคอร์สเรียน การอ่านโน้ตฉบับสมบูรณ์ดูค่ะ ในบทเรียนจะมีแบบฝึกหัดมากกว่า 1000 ข้อให้ฝึก เรียนจบแล้วรับรองว่าจะอ่านโน้ตได้คล่องแน่นอนค่ะ

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเล่นเปียโนป๊อบ ครูมีคอร์สสอนเปียโนที่จะทำให้เพื่อนๆสามารถเล่นเปียโนได้ภายใน 10 วัน โดยไม่ต้องมีพื้นฐาน ในคอร์สนี้จะสอนการเปลี่ยนคอร์ดให้เร็ว การเล่น 2 มือ การเล่นประกอบการร้อง การเล่นคอร์ดให้เข้ากับสไตลฺ์เพลง เรียนจบคอร์สแล้วเพื่อนๆจะสามารถเล่นเพลงได้เป็นพันๆเพลง หากสนใจสามารถคลิกดูรายละเอียดคอร์สได้ ที่นี่ ค่ะ

2. อบรมการสอนดนตรีเด็กเล็ก

สำหรับเพื่อนๆที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านดนตรีโดยตรงอาจจะเน้นสอนเด็กเล็กๆมากกว่าเด็กโตหรือเด็กที่ต้องการเรียนดนตรีจริงจัง เพราะการสอนเด็กเล็กเราไม่จำเป็นต้องเล่นเก่งที่สุดก็ได้ สิ่งที่เราควรจะต้องมีคือจิตวิทยา เพราะการสอนเด็กเล็กนั้นเราจะต้องมีจิตวิทยาในการทำให้เด็กรู้สึกสนุกและชอบที่จะเรียนดนตรี การลงอบรมคอร์สสอนเด็กเล็กจึงเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มทักษะในการสอนดนตรีเด็กเล็กของเราและยังช่วยให้รีซูเมของเราดูดีขึ้นอีกด้วยค่ะ

โปรแกรมที่เพื่อนๆสามารถอบรมในการสอนดนตรีเด็กเล็กก็จะมีที่น่าสนใจดังนี้ค่ะ

  1. อบรมการสอนดนตรีเด็กเล็กด้วย Orff Method
  2. อบรมการสอนดนตรีเด็กเล็กด้วย Kodaly Method
  3. อบรมการสอนดนตรีเด็กเล็กด้วย Suzuki Method
  4. อบรมการสอนดนตรีเด็กเล็กด้วย The Dalcroze Method

3. เตรียมเพลงออดิชันสำหรับสอน

หลังจากเราเตรียมความพร้อมในเรื่องต่างๆข้างต้นแล้ว เราก็ควรมีเพลงในมือที่เราจะใช้ในการออดิชันเพื่อสมัครเป็นครู โดยเราควรเตรียมเพลงอย่างน้อย 2 เพลงค่ะ เป็นเพลงคลาสสิค 1 เพลงและเพลงป๊อบอีกสักเพลง ที่ครูแนะนำให้เล่นทั้งแนวคลาสสิคและป๊อบเนื่องจากตามโรงเรียนดนตรีนั้นเรามีนักเรียนที่ต้องการเรียนหลากหลายสไตล์ หากเราสามารถเล่นได้ทั้งแนวป๊อบและคลาสสิคก็จะทำให้เราเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าครูที่เล่นได้แค่สไตล์เดียวค่ะ

4. สมัครสอนตามโรงเรียนดนตรี

เพื่อนๆไม่จำเป็นต้องไปหาประกาศรับสมัครงานตามอินเตอร์เน็ตเพื่อที่จะเป็นครูสอนดนตรีค่ะ เราสามารถถือรีซูเมและเดินเข้าไปสมัครตามโรงเรียนดนตรีที่เราอยากไปสอนได้เลย เราอาจจะโทรไปสอบถามก่อนเพื่อที่จะนัดเวลาไปสมัครก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่ตามโรงเรียนดนตรีนั้นจะต้องการครูตลอดเวลาอยู่แล้วค่ะ หากยังไม่มีตำแหน่งเราก็ฝากข้อมูลไว้ก่อนเพราะบางครั้งทางโรงเรียนดนตรีอาจจะเรียกเราไปสอนแทน จากประสบการเปิดโรงเรียนของครู บ่อยครั้งที่ครูสอนดนตรีลาสอน ทางโรงเรียนจึงต้องมีครูสำรองไว้เพื่อใช้ในการสอนแทน และหากเรามีความรับผิดชอบและสอนดีเราก็อาจจะได้เป็นครูประจำของโรงเรียนดนตรีนั้นได้ค่ะ และหากเราเล่นเครื่องดนตรีได้หลายเครื่องเราก็ควรแจ้งไปในรีซูเมค่ะ โรงเรียนดนตรีก็จะชอบมากเพราะเขาสามารถใช้ความสามารถของเราทำงานได้คุ้มมากกว่าปกติค่ะ แม้ว่าจะไม่ได้ให้เราสอนประจำในเครื่องดนตรีนั้นๆแต่เขาสามารถเรียกเราไปสอนแทนในวันที่ครูประจำลาได้เช่นกันค่ะ

5. เปิดสตูดิโอสอนดนตรีเอง

หากเราต้องการทำธุรกิจของเราเอง เราก็ไม่จำเป็นต้องไปสมัครสอนตามโรงเรียนดนตรีก็ได้ เราอาจจะเปิดสอนเองที่บ้านหรือเปิดโรงเรียนดนตรีของเราเอง แต่การเปิดสอนเองนั้นก็จะยากกว่าไปสอนตามโรงเรียนดนตรีมากค่ะ เพราะเพื่อนๆจะต้องแข่งขันกับครูท่านอื่นๆที่จบมาทางดนตรีโดยตรง ซึ่งเขาสามารถโปรโมทตัวเองได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เราสามารถแข่งกับครูที่จบทางด้านดนตรีโดยตรงได้หากว่าเรารักในการสอนจริงๆ

ผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานมาเรียนส่วนใหญ่จะต้องการครูที่เอาใจใส่ดูแลบุตรหลานของเขาเป็นอย่างดี หากเราตั้งใจสอนและหมั่นพูดคุยกับผู้ปกครองเกี่ยวกับความก้าวหน้าและแนวทางในการเรียนของนักเรียน ขยันหากิจกรรมให้นักเรียนทั้งเรื่องการสอบวัดระดับ การแข่งขันหรือกิจกรรมการแสดงดนตรี แม้ว่าเราจะไม่ได้จบมาทางดนตรีโดยตรงเราก็สามารถที่จะดึงดูดนักเรียนมาเรียนได้ค่ะ โดยการเรียนดนตรีส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการบอกปากต่อปาก หากเราสอนดีผู้ปกครองก็จะแนะนำนักเรียนคนอื่นๆมาให้เราเองค่ะ

หากเราต้องการที่จะโปรโมทตัวเองเพิ่มเติม เพื่อนๆสามารถทำช่องยูทูปเพื่อสอนดนตรีหรือเปิดเพจการสอนดนตรีก็จะทำให้เรามีฐานลูกค้าและสามารถต่อยอดความฝันการเป็นครูดนตรีของเราได้ค่ะ