ในยุคที่ความสำเร็จมักถูกวัดด้วยการทำงานให้ได้มากที่สุด สถานะ และความมั่งคั่ง หลายคนรู้สึกว่าบางอย่างในชีวิตนั้นขาดหายไป โดยเฉพาะเมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัย 30 หรือ 40 ปี การทำงานหนัก การดูแลครอบครัว และการจัดการภาระหน้าที่ต่าง ๆ มักทำให้เรารู้สึกว่าเราหมดไฟ เราอาจจะยุ่งตลอดเวลา แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า ใช้ชีวิตไปกับกิจกรรมที่ดูเหมือนจะไม่มีความหมายที่แท้จริง
คำว่า “Emptiness Machine” ซึ่งมาจากเพลงของวง Linkin Park อธิบายสิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน:
“ฉันยอมแพ้ตัวตนของฉัน เพื่อเป็นสิ่งที่คุณอยากให้ฉันเป็น
และตกหลุมพรางของเครื่องจักรที่ว่างเปล่านี้”
ในเพลงนี้ เนื้อเพลงบอกเล่าถึงการที่เรายอมละทิ้งตัวตนของตัวเองเพื่อให้เป็นไปตามความคาดหวังของคนอื่น และหลายคนก็รู้สึกเช่นนี้จริง ๆ ราวกับว่าถูกขังอยู่ในชีวิตที่ไม่ได้สะท้อนถึงความฝันหรือความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง แต่บางทีเราอาจจะสามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้ได้ อาจมีวิธีที่เราจะคืนสู่ตัวตนเดิมและเชื่อมโยงกับตัวเองและผู้อื่นอีกครั้ง
หนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่จะช่วยเราในเรื่องนี้ก็คือ “ดนตรี”
เครื่องจักรแห่งความว่างเปล่า: วิกฤตในยุคปัจจุบัน
ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วทุกวันนี้ มันง่ายมากที่เราจะหลงลืมสิ่งที่สำคัญในชีวิต เราไล่ตามเป้าหมายที่สังคมกำหนด บางครั้งเราก็ละทิ้งความชอบส่วนตัวไป นำไปสู่ความรู้สึกเหินห่าง ไม่เพียงแต่กับคนรอบข้าง แต่รวมถึงตัวเราเองด้วย “เครื่องจักรแห่งความว่างเปล่า” ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำเปรียบเปรยเท่านั้น แต่มันคือความจริงที่หลายคนกำลังเผชิญ
เราตื่นเช้าไปทำงาน กลับบ้านมาดูแลครอบครัว และเมื่อวันสิ้นสุดลง เรารู้สึกเหนื่อยเกินกว่าจะจำได้ว่าเราเคยเป็นใคร หรืออะไรที่เคยทำให้เรารู้สึกมีชีวิตชีวา สำหรับหลายคน การขาดสิ่งนี้มักเกี่ยวข้องกับการละทิ้งสิ่งที่เคยรัก นั่นคือ ดนตรี
คุณยังจำได้ไหมว่าครั้งสุดท้ายที่คุณเล่นเครื่องดนตรีหรือแต่งเพลงด้วยความหลงใหลเมื่อไหร่? หรือเคยจมดิ่งไปกับเสียงเพลงของวงโปรดของคุณนานแค่ไหนแล้ว? สำหรับหลายคน ช่วงเวลาเหล่านั้นดูเหมือนจะไกลออกไป แต่ความจริงแล้วมันไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป
ดนตรีในฐานะเครื่องมือแห่งการแสดงออกส่วนตัว
หนึ่งในวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการกลับมาหาตัวเองคือผ่านทางดนตรี การเล่นดนตรี แม้กระทั่งแค่เพื่อความสุขส่วนตัว สามารถช่วยให้คุณปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกกดทับไว้ลึก ๆ ในใจ ดนตรีเป็นภาษาที่เชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของเราโดยไม่ต้องใช้คำพูด
สำหรับฉัน มีช่วงเวลาหนึ่งที่มักจะนึกถึง เมื่อฉันได้เห็นนักดนตรีรุ่นใหม่ ๆ ที่เต็มไปด้วยพลังและความเชื่อมั่น มันกระตุ้นบางอย่างในตัวฉันให้รู้สึกถึงความหลงใหลที่เคยมี ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งฉันก็เคยเล่นดนตรีด้วยความกระตือรือร้นเช่นนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความหลงใหลนั้นค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับชีวิตที่เต็มไปด้วยหน้าที่การงาน การขาย Managed IT Services ไม่ได้ทำให้รู้สึกมีพลังอย่างที่ดนตรีเคยทำ
การได้ดูนักดนตรีรุ่นใหม่เหล่านั้นเป็นแรงบันดาลใจ แต่ก็ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าด้วย เพราะมันทำให้ฉันคิดถึงส่วนหนึ่งของตัวเองที่ได้สูญเสียไป ดนตรีเคยเป็นวิธีที่ฉันแสดงออกถึงตัวตนของฉัน แต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่าฉันกำลังใช้ชีวิตไปในทิศทางอื่นที่ดูไม่มีความหมายเท่าไหร่
บางทีคุณอาจรู้สึกเหมือนกัน แต่สิ่งที่งดงามเกี่ยวกับดนตรีคือมันยังคงอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะหยิบเครื่องดนตรีเก่า ๆ ขึ้นมาเล่น หรือเพียงแค่ปล่อยใจให้กับการสร้างสรรค์เสียงเพลง ดนตรีสามารถช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับความรู้สึกที่อาจถูกกดทับไว้ด้วยภาระชีวิตได้
ดนตรีในฐานะเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์
ดนตรีไม่ได้เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนตัวเท่านั้น แต่มันเป็นหนึ่งในวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการเชื่อมต่อกับผู้อื่น การเล่นดนตรีกับคนอื่นสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่มีคำพูดได้ มันเป็นภาษาที่ใช้สื่อสารความรู้สึกและความคิด
ไม่ว่าจะเป็นการเข้าร่วมวงดนตรีท้องถิ่น เล่นดนตรีในงานเล็ก ๆ หรือแค่การแจมดนตรีกับเพื่อน ๆ การเล่นดนตรีร่วมกับผู้อื่นสร้างความรู้สึกของการเป็นส่วนหนึ่ง และในโลกที่เต็มไปด้วยความเหงา ความเครียด และภาวะซึมเศร้า เราต้องการการเชื่อมต่อนี้มากกว่าที่เคย
นอกจากการเล่นดนตรีแล้ว การเข้าร่วมคอนเสิร์ตก็เป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน การอยู่ท่ามกลางคนที่มีความรักในเพลงเดียวกัน รู้สึกถึงพลังของฝูงชน และเชื่อมโยงกับอารมณ์ของนักแสดง ล้วนเป็นประสบการณ์ที่สามารถตราตรึงใจเราไปอีกนาน
การฟังดนตรีเพื่อเชื่อมโยงความรู้สึก
คุณไม่จำเป็นต้องเป็นนักดนตรีเพื่อที่จะได้ประโยชน์จากพลังของดนตรี การฟังดนตรีอย่างตั้งใจ ไม่ว่าจะฟังคนเดียวหรือฟังกับผู้อื่น ก็สามารถส่งผลลึกซึ้งได้เช่นกัน
ดนตรีสามารถแสดงออกถึงอารมณ์ที่คำพูดไม่สามารถทำได้ เพลงเศร้าสามารถทำให้คุณรู้สึกว่ามีคนเข้าใจคุณได้ในแบบที่การสนทนาอาจไม่สามารถทำได้ ส่วนเพลงที่จังหวะเร็วและสนุกก็สามารถยกระดับจิตใจในวันที่คุณรู้สึกแย่ และเนื้อเพลง เช่นเดียวกับของเพลง “Emptiness Machine” สามารถถ่ายทอดความรู้สึกสูญเสียหรือความไม่พอใจที่อาจสะท้อนอยู่ในจิตใจของคุณ
การฟังเพลงคนเดียวอาจเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ลึกซึ้ง แต่คุณก็สามารถแบ่งปันประสบการณ์นั้นกับคนอื่นได้ ลองนั่งฟังเพลงกับเพื่อนหรือคู่รัก เปิดเพลงโปรดและพูดคุยกันว่าเพลงนั้นทำให้คุณรู้สึกอย่างไร แบ่งปันความรู้สึกที่เกิดขึ้นหรือความทรงจำที่เพลงเหล่านั้นกระตุ้น คุณอาจพบว่าช่วงเวลาการฟังเพลงร่วมกันกลายเป็นช่วงเวลาของการเชื่อมโยงที่แท้จริง
ฟื้นคืนความหลงใหลที่หายไป
สำหรับหลายคน ครั้งหนึ่งดนตรีเคยเป็นทุกอย่าง บางทีคุณอาจเคยเล่นในวงดนตรี เขียนเพลงของคุณเอง หรือใช้เวลานับไม่ถ้วนเพลิดเพลินกับเสียงเพลงของศิลปินที่คุณชื่นชอบ แต่เมื่อชีวิตดำเนินต่อไป ความหลงใหลเหล่านั้นอาจถูกละทิ้งไป
ถ้าคุณรู้สึกว่าคุณได้สูญเสียส่วนนั้นของตัวเองไป ยังไม่สายที่จะค้นพบมันอีกครั้ง ดนตรีอยู่ที่นั่นเสมอ คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ และไม่จำเป็นต้องเล่นเพื่อใครอื่นนอกจากตัวคุณเอง
บางทีคุณอาจไม่อยากหยิบเครื่องดนตรีขึ้น
มาเล่นอีก และนั่นก็ไม่เป็นไร แค่การฟังเพลงอย่างตั้งใจ เข้าร่วมคอนเสิร์ต หรือแบ่งปันเพลงกับคนอื่น ก็สามารถช่วยให้คุณกลับมาเชื่อมต่อกับความหลงใหลที่คุณเคยมีได้
หลุดพ้นจาก Emptiness Machine
แล้วเราจะหลุดพ้นจาก “Emptiness Machine” ได้อย่างไร? เราจะฟื้นคืนความรู้สึกตัวตนและสร้างการเชื่อมโยงที่มีความหมายกับคนรอบข้างได้อย่างไร?
ฉันเองก็ยังคงทำงานกับสิ่งนี้อยู่ แต่สำหรับฉัน ดนตรีอาจเป็นกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะผ่านการเล่น ฟัง หรือแบ่งปัน ดนตรีมีพลังที่จะดึงเรากลับมาสู่ปัจจุบัน ช่วยให้เรากลับมาเชื่อมโยงกับความรู้สึกที่เราอาจฝังลึกไว้นาน และสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
Emptiness Machine อาจดูเหมือนว่าไม่มีทางหลุดพ้นได้ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ ดนตรีสามารถเปิดประตูทางออกให้เราได้ เป็นทางกลับไปหาตัวตนที่แท้จริงของเรา
ครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกถึงความว่างเปล่าที่กำลังดึงดูดคุณ ลองหยิบหูฟังขึ้นมา นั่งลงที่เปียโน หรือรวมเพื่อน ๆ มาทำกิจกรรมแจมดนตรีกัน ปล่อยให้ดนตรีเป็นสิ่งที่เตือนคุณว่าคุณเป็นใคร และให้มันเป็นสะพานที่เชื่อมโยงคุณกลับสู่โลกอีกครั้ง
Leave a Reply