คู่มือการเลือกซื้อเปียโน – เลือกเปียโนอะคุสติกมือสองอย่างไร

อยากได้เปียโนสักหลังเอาไว้ซ้อมแต่ไม่อยากซื้อเปียโนใหม่ เปียโนมือสองก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะแต่เพื่อนๆควรมีความรู้ในการเลือกเปียโนเพื่อที่เราจะได้มีเปียโนดีๆเอาไว้ซ้อมไปอีกหลายสิบปีค่ะ เดี๋ยวเราไปดูสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อเปียโนมือสองกันค่ะ

  1. เช็คซาวด์บอร์ดของเปียโนว่าไม่มีการแตกร้าว
  2. เช็คเสียงของเปียโนว่าเสียงแตกหรือเพี้ยนหรือไม่
  3. เช็คดูร่องรอยของความชื้นบนเปียโน
  4. เช็คคีย์เปียโนทุกคีย์ว่ามีคีย์ค้างหรือไม่และความสูงสม่ำเสมอกันหรือไม่
  5. เช็คทัชชิ่งของคีย์เปียโนว่าดีหรือไม่
  6. เช็คระบบแอคชั่น ค้อนและสายภายในเปียโนว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่
  7. เช็ค tuning pin ว่ายังใช้งานได้ดีหรือไม่
  8. เช็คเพดเดิลด้านล่างของเปียโนว่าใช้ได้หรือไม่
  9. เช็คดูสภาพภายนอกของเปียโนว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่
  10. เช็คการรับประกันเครื่องและบริการหลังการขายเปียโน

หากเพื่อนๆสนใจดูเป็นเปียโนไฟฟ้าสามารถอ่านบทความได้ที่ แนะนำเปียโนไฟฟ้า 10 รุ่นสําหรับผู้เริ่มต้นกอยากเช่าเปียโนก็สามารถอ่านบทความ เช่าเปียโนที่ไหนดี ได้เลยค่ะ แต่หากใครอยากซื้อเปียโนอะคุสติกแบรนด์นิวสามารถอ่านบทความ เลือกซื้อเปียโนของใหม่อย่างไรดี

สำหรับเพื่อนๆที่สนใจเล่นเปียโนป๊อบ ครูมีคอร์สสอนเปียโนที่จะทำให้เพื่อนๆสามารถเล่นเปียโนได้ภายใน 10 วัน โดยไม่ต้องมีพื้นฐาน ในคอร์สนี้จะสอนการเปลี่ยนคอร์ดให้เร็ว การเล่น 2 มือ การเล่นประกอบการร้อง การเล่นคอร์ดให้เข้ากับสไตลฺ์เพลง เรียนจบคอร์สแล้วเพื่อนๆจะสามารถเล่นเพลงได้เป็นพันๆเพลง หากสนใจสามารถคลิกดูรายละเอียดคอร์สได้ ที่นี่ ค่ะ

1. เช็คซาวด์บอร์ดของเปียโนว่าไม่มีการแตกร้าว

ซาวด์บอร์ดนั้นเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดในเปียโนเลยค่ะ ซาวด์บอร์ดมีหน้าที่เป็นแหล่งขยายเสียงของเปียโน เมื่อเปียโนอยู่ในสภาพอากาศที่แตกต่างกันบางครั้งซาวด์บอร์ดอาจเกิดการแตกร้าวได้ หากซาวด์บอร์ดเกิดการแตกร้าวก็จะให้เสียงที่ไม่ดี เราสามารถซ่อมซาวด์บอร์ดได้โดยการทากาว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเพื่อนๆเจอเปียโนที่ซาวด์บอร์ดที่อยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ก็ควรหลีกเลี่ยงไปเลือกเปียโนตัวอื่นแทน เนื่องจากการซ่อมแซมซาวด์บอร์ดถือเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียวและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากค่ะ

สำหรับการดูซาวด์บอร์ดในเปียโนอัพไรท์นั้น เพื่อนๆสามารถขอดูได้จากทางด้านหลังเพราะถ้าเราจะดูจากด้านหน้า ทางร้านจะต้องถอดชิ้นส่วนเปียโนออกมาให้เราดู ซึ่งบางครั้งทางร้านอาจจะสะดวก ดังนั้นเพื่อนๆก็ขอเช็คดูได้จากทางด้านหลังของเปียโนค่ะ

2. เช็คเสียงของเปียโนว่าเสียงแตกหรือเพี้ยนหรือไม่

สำหรับการเช็คเสียงของเปียโน สิ่งที่เพื่อนๆจะต้องเช็คมีดังนี้ค่ะ

  1. เช็คดูว่าเวลาเล่นแล้วเสียงแตกหรือไม่ – เพื่อนๆต้องแน่ใจว่าเช็คเสียงของเปียโนทุกคีย์ เพราะหลายๆครั้งบางคีย์อาจจะเกิดปัญหา เช่นอาจจะเล่นแล้วมีเสียงแตกเล็กน้อย ทั้งนี้อาจเกิดขึ้นจากสายที่ขาดหรือสายที่เสื่อมสภาพ
  2. เช็คดูว่าเสียงเพี้ยนหรือไม่ – เรื่องเสียงเพี้ยนจริงๆแล้วไม่ใช่ปัญหาที่หนักหนาอะไร เพราะหลายๆครั้งเปียโนที่ไม่ได้รับการดูแลและขาดการจูนสายก็จะมีเสียงเพี้ยน และการจูนเสียงส่วนใหญ่จะราคาพันต้นๆ ส่วนใหญ่ทางร้านจะรับผิดชอบการจูนในครั้งแรก แต่เพื่อนๆต้องแน่ใจว่า tuning pin ที่อยู่ภายในนั้นไม่เสื่อมสภาพเพราะหาก tuning pin ใช้ไม่ได้ก็จะเป็นเรื่องใหญ่มากค่ะ
  3. เช็คดูว่าชอบเสียงเปียโนมั้ย – เสียงเปียโนนั้นมีทั้งเสียงที่ทุ้ม ลุ่มลึกและเสียงที่แหลม สดใส ทั้งนี้การเลือกเสียงเป็นไปตามรสนิยมความชอบของผู้เล่น ดังนั้นเพื่อนๆเลือกได้ตามใจชอบเลยค่ะ

3. เช็คดูร่องรอยของความชื้นบนเปียโน

ความชื้นเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเปียโนเลยทีเดียวค่ะ เพราะหากเปียโนมีความชื้นก็จะทำให้เกิดปัญหามากมาย และเนื่องจากเราเคยประสบปัญหาน้ำท่วม เปียโนหลายๆหลังก็ถูกน้ำท่วมไปด้วย เพื่อนๆจะต้องแน่ใจว่าเราเช็คร่องรอยของความชื้นที่เกิดขึ้นในเปียโนทั้งด้านในและด้านนอก หากเห็นราขึ้นเราไม่ควรซื้อเปียโนตัวนี้เด็ดขาด นอกจากน้ำท่วมที่สร้างปัญหาแล้ว บางครั้งการตั้งเปียโนไว้ใกล้แหล่งชื้นๆเช่นหน้าห้องน้ำก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อนๆไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้เป็นอันขาดค่ะ

4. เช็คคีย์เปียโนทุกคีย์ว่ามีคีย์ค้างหรือไม่และความสูงสม่ำเสมอกันหรือไม่

เพื่อนๆต้องไล่โน้ตที่คีย์เปียโนทุกๆคีย์และเช็คว่าหลังจากเราเล่นแต่ละคีย์แล้ว คีย์เปียโนเด้งกลับมาทันทีหรือไม่ เพราะบางครั้งเปียโนอาจมีคีย์ค้างเกิดขึ้นซึ่งอาจะเกิดจากความชื้นหรือสปริงเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ก็ต้องมองจากด้านข้างของคีย์ว่าคีย์มีความสม่ำเสมอกันหรือไม่ คีย์ทุกคีย์ควรมีความสม่ำเสมอกันค่ะ แต่หากเพื่อนๆชอบเปียโนตัวนี้มากๆ ปัญหานี้ก็ซ่อมไม่ยากค่ะ แค่ต้องปรับขนาดของผ้าสักหลาดที่รองด้านใต้คีย์ให้มีความสม่ำเสมอกันก็จะไม่เกิดปัญหาแล้วค่ะ แต่หากหลีกเลี่ยงได้ก็จะได้ไม่ต้องเสียเงินค่าซ่อมในภายหลังค่ะ

5. เช็คทัชชิ่งของคีย์เปียโนว่าดีหรือไม่

  1. เช็คดูว่าแต่ละคีย์มีน้ำหนักเท่ากันหรือไม่

น้ำหนักของคีย์เปียโนนั้นควรจะมีความหนักใกล้เคียงกัน ในช่วงของเสียงต่ำนั้น คีย์จะมีความหนักกว่าเล็กน้อยและในช่วงเสียงสูงจะเบากว่า แต่หากเพื่อนๆลองเล่นแล้วน้ำหนักของคีย์แต่ละคีย์ไม่เท่ากันก็อาจจะเลือกเป็นเปียโนตัวอื่นแทนค่ะ

2. เช็คดูว่าคีย์หลวมหรือไม่

เพื่อนๆลองเล่นเพลงดูแล้วเช็คว่าเวลาเล่นนั้นรู้สึกว่าคีย์หลวมรึเปล่าและเวลาเล่นจะรู้สึกว่าเล่นยาก หากเจอปัญหาคีย์หลวมก็ควรหลีกเลี่ยงเปียโนตัวนี้ค่ะเพราะแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไขปัญหานี้ ดังนั้นเซย์บายกับเปียโนตัวนี้ดีกว่าค่ะ

3. เช็คดูว่าทัชชิงหนักพอกับที่เราชอบหรือไม่

การเลือกทัชชิงของเปียโนนั้นเป็นความชอบส่วนบุคคล บางคนชอบคีย์เบาๆบางคนชอบคีย์หนัก แต่ทั้งนี้หากเป็นนักเรียนของครู ครูจะแนะนำให้เลือกคีย์ที่หนักไว้ เนื่องจากเวลาที่เราซ้อมเปียโนกับคีย์หนักๆ เทคนิคเราจะแข็งแรงกว่าการฝึกด้วยคีย์ที่เบา ดังนั้นเวลาที่เราต้องไปสอบหรือแสดงโดยใช้เปียโนที่คีย์เบากว่าที่เราซ้อม เราก็จะเล่นได้ง่ายเลยค่ะ ตรงกันข้ามหากเราซ้อมกับคีย์เปียโนที่มีน้ำหนักเบาแล้วเราต้องไปแสดงเปียโนที่คีย์หนัก มันจะทำให้เล่นยากและนิ้วเราอาจจะไม่แข็งแรงพอที่จะเล่นเพลงเร็วๆได้ หรือเล่นแล้วนิ้วหมดแรงทำให้เล่นได้ไม่ดี ลองคิดถึงเวลาที่เราไปฟิตเนสแล้วเล่นเครื่องออกกำลังกายซึ่งเราปรับน้ำหนักไว้หนักๆ พอเรามาปรับให้น้ำหนักเบาลงเราก็เล่นได้สบายๆเลย การเล่นเปียโนก็เช่นเดียวกันค่ะ ฝึกคีย์หนักๆไว้เวลาเจอคีย์เบาๆก็เล่นสบายค่ะ

6. เช็คระบบแอคชั่น ค้อน และสายภายในเปียโนว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่

การเช็คระบบแอคชันนั้นเพื่อนๆจะต้องขอเปิดดูภายในเปียโน โดยดูที่ค้อนและระบบการตีสายเปียโนว่ามีการตีสายในตำแหน่งที่เหมือนกันทุกๆสายหรือไม่ นอกจากนี้ควรเช็คดูว่าค้อนมีสภาพสมบูรณ์หรือมีการฉีกขาดหรือไม่ บางครั้งอาจมีสัตว์เข้าไปแอบแฝงอยู่ในเปียโนโดยที่เราไม่รู้และเข้าไปกัดแทะทำให้ค้อนอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ได้ค่ะ หรือบางครั้งอาจมีการขัดค้อนเพื่อเปลี่ยนคุณภาพเสียง หากเพื่อนๆเห็นว่าค้อนถูกขัดมากจนเกินไปก็ไม่ควรเลือกเปียโนตัวนี้ค่ะ นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยงเปียโนที่สายขาดหรือสายที่ขึ้นสนิทจนเกรอะกรัง ถ้ามีฝุ่นจับเฉยๆและดูสกปรกก็ไม่มีปัญหาค่ะ

7. เช็ค tuning pin ว่ายังใช้งานได้ดีหรือไม่

tuning pin จะมีลักษณะเป็นก้านเหล็กจำนวนมากโผล่ออกมาตรงด้านในเปียโน ซึ่งจะเป็นที่ขึงสายเปียโนและยังทำหน้าที่ขันสายเพื่อนจูนเปียโนให้ตรงตามระดับเสียง หากเพื่อนๆนึกไม่ออก ให้ลองคิดถึงกีตาร์ดูนะคะ tuning pin ของกีตาร์นั้นจะอยู่บริเวณด้านบนสุดของคอกีตาร์ซึ่งจะมี 6 อัน เราเอา tuning pin ไว้หมุนทำให้สายตึงหรือหย่อนซึ่งมีผลทำให้เสียงต่ำลงหรือสูงขึ้น ในเปียโนก็มีหน้าที่เช่นเดียวกัน แต่เนื่องจากเปียโนมีสายเยอะมากๆ เราจึงเห็น tuning pin เรียงรายอยู่เต็มไปหมด หาก tuning pin เกิดเกลียวหวาน หลังจากเราจูนเปียโนไปแล้วระดับเสียงก็จะไม่อยู่ตามตำแหน่งที่ตั้งไว้ แต่จะกลับมาเพี้ยนในเวลาอันรวดเร็วค่ะ เนื่องจาก tuning pin ไม่สามารถล็อคตำแหน่งของสายเอาไว้ได้ จึงเกิดการหย่อนหลังจากจูนได้ไม่นานค่ะ

การเช็ค tuning pin นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะปกติเราจะไม่สามารถใช้มือหมุน tuning pin ได้ แต่จะต้องใช้เครื่องมือในการหมุนเพื่อดูว่าเกลียวหวานหรือไม่ สิ่งที่เพื่อนๆทำได้คือต้องถามผู้ขายว่า tuning pin ยังใช้การได้ดีหรือไม่ อันนี้ต้องมีความเชื่อใจกันพอสมควร แต่ถ้าเปียโนไม่ได้เสียงเพี้ยน tuning pin ก็น่าจะสมบูรณ์ดีค่ะ แต่หากเปียโนเสียงเพี้ยน ก่อนเพื่อนๆจะจ่ายเงินซื้อ ควรให้ทางร้านจูนให้ก่อนเราจะได้ดูว่าเปียโนตัวนี้สามารถจูนเสียงได้ตรงหรือไม่


8. เช็คเพดเดิลด้านล่างของเปียโนว่าใช้ได้หรือไม่

หากเพื่อนๆซื้อเปียโน เราอาจจะเจอเพดเดิล 2 หรือ 3 อัน ซึ่งอันที่สำคัญที่สุดคืออันที่อยู่ด้านขวาสุด อันนี้จะเป็นตัวทำให้เสียงต่อเนื่องและมีความกังวาน เวลาเลือกซื้อให้เพื่อนๆลองเล่นโน้ต 1 ตัวหรือ 1 คอร์ดก็ได้ จากนั้นอย่าเพิ่งปล่อย แต่ให้เหยียบเพดเดิลอันขวาสุด เราจะเหยียบเพดเดิลค้างไว้และก็ปล่อยมือออก ทีนี้ให้ฟังดูว่ายังมีเสียงเปียโนต่อเนื่องหลังจากเราปล่อยมือหรือไม่ หากมีเสียงเปียโนต่อเนื่องจนกระทั่งเรายกเพดเดิลออกแสดงว่าเพดเดิลใช้ได้ แต่หากเราปล่อยมือออกแล้วไม่มีเสียงอะไรเลยแสดงว่าเพดเดิลใช้ไม่ได้ หากเพื่อนๆชอบเปียโนตัวนี้ก็ไม่ต้องตัดใจหากเพดเดิลใช้ไม่ได้ค่ะ เพราะการแก้ไม่ยากแต่แค่เราจะต้องตรวจเช็คดูเพื่อให้ทางร้านซ่อมให้ก่อนที่เราจะยกเปียโนกลับบ้านค่ะ

เพดเดิลอันอื่นๆก็จะมีคุณสมบัติดังนี้ ถ้าเป็นของเปียโนอัพไรท์ ด้านซ้ายสุดเวลากดจะให้เสียงที่เบาลงเล็กน้อย ใช้สำหรับเปลี่ยนโทน ส่วนอันกลางเวลากดจะทำให้เสียงเบามากเพื่อใช้ซ้อมเวลากลางคืน ในแกรนด์เปียโน เพดเดิลอันซ้ายสุดจะใช้ทำให้เสียงค้างแต่ไม่กังวาน ซึ่งจะใช้ในการเล่นเพลงคลาสสิคระดับสูงเท่านั้น ส่วนอันกลางนั้นจะทำให้โทนเสียงเปลี่ยนคล้ายๆกับเพดเดิลซ้ายของอัพไรท์เปียโน เพื่อนๆลองเช็คดูให้หมดทุกอันว่าใช้ได้รึเปล่านะคะ สำหรับเปียโนบางรุ่นก็จะมีเพดเดิลแค่ 2 อันซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรค่ะ สามารถซื้อมาใช้ได้ค่ะ

9. เช็คดูสภาพภายนอกของเปียโนว่ามีรอยขีดข่วนหรือไม่

สภาพภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่ครูดูน้อยที่สุด เพราะครูให้ความสำคัญกับเรื่องของเสียง คีย์และแอคชันมากกว่า แต่หากใครต้องการเปียโนที่มีสภาพสวยงามก็เลือกดูให้มีรอยน้อยที่สุดค่ะ สำหรับเรื่องการทำสีราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียวค่ะ ถ้าเป็นอัพไรท์ราคาทำสีจะอยู่ประมาณ 50,000 บาท ดังนั้นหากไม่ถูกใจลักษณะภายนอกของเปียโนและต้องการซื้อมาทำสีใหม่ก็ควรดูเปียโนที่สภาพภายนอกสมบูรณ์ไปเลยค่ะ

10. เช็คการรับประกันเครื่องและบริการหลังการขายเปียโน

ข้อสุดท้ายนี้เพื่อนๆต้องสอบถามกับทางร้านว่ามีการรับประกันเครื่องหรือไม่หรือขายตามสภาพ ระยะเวลาในการรับประกันนานแค่ไหน และหากเปียโนมีปัญหาสามารถหาช่างได้จากที่นี่หรือไม่ ขอนามบัตรหรือจดเบอร์โทรไว้ให้พร้อมเลยค่ะ นอกจากนั้นบริการหลังการขายก็มีความสำคัญเช่นกัน ร้านเปียโนมือสองส่วนมากจะมีบริการจูนเมื่อเราซื้อเปียโนกับเขา บางที่บริการจูนฟรีถึง 3 ครั้งซึ่งก็คุ้มมากๆ เรื่องการจูนหากเพื่อนๆไม่ได้เล่นเสียงดังมากๆหรือใช้เทคนิคมากๆสามารถจูนปีละครั้งก็ได้ ซึ่งหากทางร้านบริการจูนฟรี 3 ครั้งเราจะได้ไม่ต้องจูนไปอีก 3 ปี บางครั้งทางร้านอาจแนะนำให้จูนปีละ 2 ครั้ง ตรงนี้ครูคิดว่าไม่จำเป็น นอกจากเราจะเล่นเพลงคลาสสิคหนักๆอย่างเพลงของ Rachmaninov หรือ Chopin และเล่นจนสายเพี้ยนไปมาก แบบนั้นจูนทุก 6 เดือนก็เข้าใจได้ค่ะ

การซื้อเปียโนมือสองนั้น ครูคิดว่าคุ้มมากๆ มันไม่เหมือนกับรถยนต์ที่หากเราซื้อมือสอง เราอาจพบเจอปัญหาเครื่องยนต์หรือปัญหาเรื่องแอร์ แต่สำหรับเปียโนนั้นเนื่องจากมันเป็นเปียโนอะคุสติกจึงมีปัญหาค่อนข้างน้อย หากเพื่อนๆเลือกเปียโนตามที่ครูแนะนำ ปัญหาที่พบเจอจากเปียโนมือสองนั้นก็น้อยมากๆค่ะ สำหรับครูแล้วครูยินดีจ่ายเงินเพื่อซื้อเปียโนมือสองในรุ่นสูงๆมากกว่าซื้อเปียโนใหม่แล้วได้รุ่นต่ำๆค่ะ เพราะเปียโนรุ่นสูงๆนั้นจะให้เสียงและสัมผัสที่ดีกว่ามากๆค่ะ

สุดท้ายก่อนที่เราจะเป็นเจ้าของเปียโน เราก็อย่าลืมถามว่าควรดูแลรักษาเปียโนอย่างไรด้วยนะคะ เราจะได้มีเปียโนดีๆไว้ใช้นานๆค่ะ